ในความทรงจำ : เปเล่ (1940-2022)

ทุก ๆ 4 ปี บรรดานักเตะจากหลายประเทศ จะมารวมตัวกันในสุดยอดฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ ที่มีชื่อว่า “ฟุตบอลโลก” สำหรับนักเตะหลาย ๆ คน การได้เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์นี้ ถือเป็นจุดสูงสุดในสายอาชีพ และเป็นโอกาสดีในการพิสูจน์ฝีเท้าให้โลกจารึก สร้างเกียรติประวัติของตัวเองให้แฟนบอลจดจำ การแข่งขันฟุตบอลโลกแต่ละครั้ง ก็จะมีตำนานให้เล่าขานสืบทอดต่อกันไป โดยส่วนใหญ่ในความทรงจำของแต่ละคน มักจะมีเหตุการณ์เดียวที่น่าจดจำและตราตรึงใจที่สุด..

Memorable moments

ย้อนกลับไปปี 1962 การ์รินชา ยิงประตูสุดงดงามใส่อังกฤษในรอบ 4 ทีมสุดท้าย ในปี 1966 เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ลากเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษจนหมดเรี่ยวแรง ก่อนยิงผ่านมือของ ฮันส์ ทิลโควสกี้ เข้าไปอย่างหนักหน่วง ซึ่งเป็นประตูที่เขาออกมายอมรับในภายหลังว่า หากเขาพลาด เขาต้องโดนทัวร์ลงแน่ ๆ เพราะเขาเลี้ยงบอลนานเกินไป

ต่อมาในปี 1974 เกิร์ด มุลเลอร์ แสดงแสงยานุภาพของการเป็นกองหน้าในนัดชิงชนะเลิศ แม้ว่าจะเป็นเพียงประตูชัยประตูเดียว แต่ก็ทำให้ชาวดัตช์ทั้งประเทศต้องปวดใจ.. 4 ปีต่อมา มาริโอ เคมเปส ตำนานฟ้าขาว ลากบอลเข้าไปทำประตูได้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่กองหลังของกังหันสีส้มทำได้เพียงมองผมอันปลิวไสวของเขาจากด้านหลัง เปาโล รอสซี่ ในปี 1982 ปะทะบราซิล ดิเอโก้ มาราโดน่า ในปี 1984 ชนกับอังกฤษ โรแบร์โต้ บาจโจ้ เปรี้ยงปร้างในปี 1990 เมื่ออิตาลีสยบเชคโกสโลวาเกีย

สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันของตำนานที่เกิดขึ้นมากมายเหล่านี้ก็คือ การทำประตูของเหล่าศูนย์หน้า และมันเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงฟุตบอลโลก เช่นเดียวกันกับหากพูดถึงฟุตบอลโลก 1998 เชื่อว่าคนไม่น้อยก็ต้องนึกถึง ซีเนอดีน ซีดาน และแน่นอน 2 ประตูที่เขาทำได้ในนัดชิง

1970

ถ้าคุณสังเกตุไทม์ไลน์ด้านบนดี ๆ จะเห็นว่าเราข้ามทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกไป 1 รายการ นั่นคือปี 1970 ที่เม็กซิโกนั่นเอง ใช่แล้ว ! นั่นเป็นรายการฟุตบอลโลกครั้งแรก ที่โด่งดังที่สุด และมีการกล่าวขานกันมาก ที่สุดครั้งหนึ่ง และถ้าคุณกำลังมองหาคำ ๆ หนึ่งที่เมื่อพูดถึงฟุตบอลโลกในครั้งนั้น แน่นอนว่าคำแรกที่อยู่ในหัวคุณก็คือ “บราซิล” นั่นเอง ในทางเดียวกัน ถ้าให้คุณนึกถึงชื่อนักเตะที่นึกออกได้จากทีมชุดนั้น แน่นอนอยู่แล้วว่าคำตอบของคุณคือ “เปเล่” และที่ทีมชาติบราซิลชุดนั้นถูกยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แม้ว่าฮังการีชุดปี 1954 และฮอลแลนด์ชุดปี 1974 อาจยังเป็นข้อถกเถียง แต่ที่ให้บราซิลมีภาษีดีกว่านั่นก็เพราะมีนักเตะที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอยู่ในทีมชุดนั้นอย่างคับคั่ง

หากเด็กเจนวายหรือเจนซีในยุคนี้ถามว่า เปเล่เก่งขนาดไหน ? คนส่วนใหญ่จะยกสถิติ 501 ประตู จาก 493 นัดที่ลงเล่นให้กับซานโตส ระหว่างปี 1974 คำนวณไว ๆ เขายิงได้เฉลี่ย 1 ลูกต่อ 1 เกม ตลอด 18 ปี แล้วก็จะมีการโต้กลับมาว่า “นั่นมันลีกบราซิล มันไม่ได้มาตรฐานเดียวกับลีกยุโรป” ซึ่งนั่นก็ยังเป็นประเด็นถกเถียง เมื่อพูดคุยถึงนักเตะที่โด่งดังในช่วงเวลานั้น แต่เมื่อลองดูสถิติในทีมชาติของเปเล่ เขาทำได้ 77 ประตู จาก 92 เกม ที่รวมถึงการไปเล่นในฟุตบอลโลก 4 ครั้ง ที่มีแต่ทีมชั้นนำในยุคนั้น การที่คุณยกสถิตินี้มา เป็นเรื่องยากที่ใครจะมาโต้เถียงได้ว่าเปเล่นั้นเก่งมากในเรื่องการเอาบอลเข้าไปสู่ก้นตาข่าย

และนี่คือสิ่งที่เรากำลังสนใจ โดยแทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฟุตบอลโลกปี 1970 กับเปเล่ ได้บันทึกความทรงจำต่อแฟนบอลทั่วโลกมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ การทำ 4 ประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ที่ช่วยให้ทีมชาติของเขาได้ชูถ้วยแชมป์ขึ้นเหนือหัวในทัวร์นาเมนต์นี้

Fun Fact : เอ๊ะ.. แปลกมาก เมื่อนึกถึงทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลกปี 1970 ทำไมแทบนึกไม่ออกเลยว่ามีนักเตะคนอื่นอีกไหมที่โดดเด่นและยิงประตูได้ในทัวร์นาเมนต์นี้ คำตอบคือไม่มี.. เพราะประตูอื่น ๆ ที่บราซิลได้ ส่วนใหญ่มาจากความผิดพลาดของคู่แข่ง แต่สำหรับประตูของเปเล่ ในปี 1970 นั้นแตกต่างออกไป..

1970 FIFA World Cup : June 3 (Wednesday)

ฟุตบอลโลก 1970 ที่เม็กซิโก นัดแรกของบราซิลในทัวร์นาเมนต์นี้ประเดิมสนามด้วยการเจอกับทีมชาติเชคโกสโลวาเกีย หลังจากเกมเริ่มไป 3 นาที เปเล่หาพื้นที่ว่างหน้าประตูได้ แต่ดันยิงข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย และหลังจากที่เขายิงพลาดไปเพียง 11 นาที เช็คกลายมาเป็นทีมที่ขึ้นนำ แต่บราซิลก็ได้หาตื่นตระหนกไม่ แม้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่เป็นไปตามแผน จากนั้นอีก 23 นาทีต่อมา ริเวลลิโน่ ก็ทำประตูด้วยลูกฟรีคิกอันเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา

เวลาผ่านมาใกล้จะหมดครึ่งแรก เมื่อได้ครองบอล เขาสำรวจการเคลื่อนที่ของนักเตะรอบ ๆ อย่างใจเย็น พอลูกบอลเขาไปในพื้นที่วงกลมกลางสนาม เขาตัดสินใจฉวยโอกาสยิงประตูจากตรงนั้น กล้องจับลูกบอลที่ลอยอยู่อย่างไม่ลดละ จนเห็น อิโว วิคเตอร์ นายทวารชาวเช็ค วิ่งกลับหลังอย่างสุดกำลัง ซึ่งในวินาทีที่เขายิงนั้น เชื่อว่าเขาเห็น วิคเตอร์ วิ่งออกมาจากเส้นปากประตู และได้ตัดสินใจยิงลักไก่ ผู้บรรยายถึงกับเก็บอาการกับการทำประตูอันสุดยอดนั้นเอาไว้ไม่อยู่ จนตะโกนเสียงดังว่า “เปเล่! เปเล่!! เปเล่!!! … เกือบไปแล้ววว” เพราะในจังหวะนั้น บอลเฉียดเสาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

เหนือสิ่งอื่นใด หากคุณนึกถึงบริบทของการกระทำในครั้งนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นในเกมเล็ก ๆ ในลีก ที่ทีมกำลังขึ้นนำอยู่ 2-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เหมือนกับลูกยิงครึ่งสนามที่ เบ็คแฮม ทำได้ในพรีเมียร์ลีก แต่นี่คือเกมระดับฟุตบอลโลก และนั่นคือระดับความเฉียบคมของเขาที่แสดงให้คนทั่วโลกได้เห็น แม้ว่าจะพลาดไปในจังหวะก่อนหน้านั้น

1970 FIFA World Cup : June 7 (the 158th day of the year)

1st Memory

หลังจากที่บราซิลลงเอยด้วยการเอาชนะเชคโกสโลวาเกียไปด้วยสกอร์ 4-1 ซึ่งมีประตูที่เกิดจาก เปเล่และอีก 2 ลูกจาก แจร์ซินโญ่ แต่ในเกมถัดมานี้บราซิลถูกจับมาเจอกับแชมป์เก่าอย่างทีมชาติอังกฤษ ซึ่งทัพสิงโตคำราม ได้เตรียมตัวมาดีกว่าในปี 66 เสียอีก ดังนั้นเกม ๆ นี้จึงมีความสำคัญการชิงตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่ม

เกมเรื่มในตอนเที่ยงภายใต้แสงแดดแผดเผาในประเทศเม็กซิโก บราซิลได้เปรียบในแง่ของสภาพอากาศที่คุ้นชิน จึงเห็น อลัน บอล วิ่งจนหัวแดงอย่างกับอยู่ในโฆษณาครีมกันแดด

เริ่มเกมเพียงว 9 นาที คาร์ลอส อัลเบอร์โต้ ได้พาบอลไปยังเส้นครึ่งสนาม ก่อนจะจ่ายบอลอย่างสวยงามให้กับ แจร์ซินโญ่ เลี้ยงบอลฉีกหนี เทอร์รี่ คูเปอร์ จนไปถึงเส้นหลัง แล้วเปิดบอลกลับมายังหน้ากรอบเขตโทษ ชายสมญานาม “ไข่มุกดำ” ก็โขกบอลอย่างสุดแรง จนบอลพุ่งลงพื้นอย่างน่ากลัว แต่บังเอิญผู้รักษาประตู กอร์ดอน แบงค์ส ยังรักษาตำแหน่งการยืนได้อย่างยอดเยี่ยม ปัดบอลข้ามคานออกไปได้อย่างน่าใจหาย จนเขาได้รับการยกย่องว่าการเซฟในครั้งนั้นเป็นการเซฟที่ดีที่สุดตลอดกาล และหากนึกถึงทีมชาติอังกฤษ การเซฟครั้งนั้น เป็นหนึ่งในตำนานที่คุณต้องนึกถึง

2nd Memory

วันนี้เป็นวันที่เกิดรูปภาพในความทรงจำที่แทนด้วยคำนับพันคำ มันคือหนึ่งในภาพประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล ที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์มากมาย เฉกเช่นเดียวกับภาพที่ มาราโดน่า ดวลกับกองหลังของเบลเยี่ยม 5 คน หรือภาพที่ บาจโจ้ ยืนเท้าเอว หลังจากพลาดจุดโทษฟุตบอลโลก 94 และหนึ่งในภาพที่โด่งดังที่สุดเฉกเช่นเดียวกับภาพเหล่านั้นก็คือ ภาพที่ เปเล่ และ บ๊อบบี้ มัวร์ ยืนถอดเสื้อคุยกันหลังจบเกมบราซิล กับอังกฤษ ซึ่งในศตวรรษ 1970 การกระทำที่เกิดขึ้นในภาพเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก

บราซิลชนะ 1-0 จบเกม เปเล่สัมผัสใบหน้าของ บ๊อบบี้ มัวร์ และขณะเดียวกัน บ๊อบบี้ มัวร์ ก็กำเสื้อของทีมชาติบราซิลไว้อย่างภาคภูมิใจ มันเป็นภาพของผู้เล่นในตำนาน 2 คนที่พวกเขาเพิ่งจะต่อสู้กับอย่างดุเดือด แต่พอจบเกมพวกเขาก็เคารพซึ่งกันและกันอย่างบริสุทธิ์ใจ โดยท้ายที่สุดแล้ว.. หลังจากที่อังกฤษได้ “สร้างตำนานการเซฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล” มัวร์ ก็ได้กล่าวถึง แซร์จิญโย่ ว่า “เขาได้สร้างการแท็คเกิ้ลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล” และเกมนั้นเป็นเกมก็กลายเป็นเกมที่ในอยู่ในใจชาวสิงโตคำรามไปหลายชั่วอายุคน

1970 FIFA World Cup : June 17 (the 168th day of the year)

บราซิลจบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการชนะทุกเกม จากนั้นก็เฉือนเอาชนะเปรูประเทศจากในทวีปเดียวกันของรอบก่อนรองชนะเลิศ และนี่เป็นวันที่ เปเล่และทีมชาติของเขายืนอยู่ห่างจากรอบชิงชนะเลิศเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่ดันต้องมาเจอกับอุรุกวัยคู่ปรับเก่า ย้อนกลับไปอุรุกวัยเป็นผู้ตบบราซิลร่วงในปี 1950 ด้วยสกอร์ 2-1 ที่มาราคาญ่า สเตเดี้ยม ดังนั้นเกมใหญ่เกมนี้ได้สร้างความตึงเครียดให้กับแฟนของทัพเซเลเซาเป็นอย่างมาก

และอุรุกวัยไม่ทำให้ผิดหวัง พวกเขาขึ้นนำไปก่อน จนกระทั่งเวลาพักครึ่งใกล้เข้ามาอยู่รอมร่อ ทุกคนต่างคิดย่อนไปในปี 1950 ว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยจริง ๆ หรอ แน่นอนว่าในขณะนั้น.. บราซิลคือทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่พวกเขาจะโดนประเทศเพื่อนบ้านตบอีกแล้วหรอ ?! คิดได้ไม่นาน บราซิลก็สามารถตีเสมอได้ก่อนที่จะจบครึ่งแรกเพียงนิดเดียวเท่านั้น

เริ่มครึ่งหลังเพียง 15 นาที ในที่สุดบราซิลก็ได้ประตูสุดสวยและขึ้นนำจาก แซร์จิญโย่ ทำให้แฟน ๆ ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ความทรงจำที่มาราคาญ่า สเตเดี้ยม ได้ค่อย ๆ เลือนลางหายไป จนกระทั่งนาทีสุดท้ายก่อนทดเวลา เปเล่เลี้ยงบอลฉีกแนวรับของอุรุกวัย ก่อนที่จะส่งลูกบอลไปให้ ริเวลลิโน่ แล้วเขาก็สำเร็จโทษ โดยการซัดมันเข้าประตู และทำให้เกมนี้เป็นเกมที่สมบูรณ์แบบมาก

เมื่อช่วงทดเวลามาถึง บราซิลเล่นแบบผ่อนเกม ใกล้จบเกม.. แฟนบอลต่างรอให้ผู้ตัดสินเป่านกหวีดสุดท้าย ทอสเทา ผ่านบอลให้เปเล่ทำประตู และนี่คือเวทมนต์ที่เขาร่ายก่อนจบเกมจนเป็นไฮไลท์สำคัญ เปเล่วิ่งมารับบอลจาก ทอสเทา ด้วยความเร็วสูงสุด เหมือนจะแท็ป อิน แต่เขาก้าวข้ามลูกบอล ปล่อยให้มันวิ่งผ่านหว่างขา มาซูเคียวิซ ผู้รักษาประตู ถึงกับผวา และด้วยความเร็วระดับเอ็กซ์ตรีม เขาวิ่งอ้อมกลับมารับบอล ซึ่งจังหวะสุดท้าย สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงแค่ส่งลูกบอลเข้าหาก้นตาข่าย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ลูกบอลกลับวิ่งเลยเสา 2 ออกไปอย่างน่าเสียดาย ถึงอย่างไรก็ตาม นั่นเป็นการเคลื่อนไหวที่สุดจะบรรยายเฉกเช่นเดียวกับ คลัฟฟ์ เทิร์น ในปี 1974 โดยถ้าเปเล่ทำประตูจากลูกนี้ได้ มันจะกลายเป็นประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อน..

1970 FIFA World Cup : June 21 (Sunday)

หลังจากเกมกับอุรุกวัย บราซิลได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกสำเร็จ เป็นวันที่เปเล่ต้องปะทะกับอิตาลี และใช่เเล้ว ! ทุกคนทราบดี.. นี่คือเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแห่งฟุตบอล เกมเริ่มได้ 18 นาที เปเล่เบิกสกอร์แรกให้กับทีมทันที เขาโหม่งจากเสาสอง แต่แล้วอิตาลีก็ตีเสมอได้จาก โรเบอร์โต้ โบนินเซย่า ต่อมาครึ่งหลัง บราซิลได้ประตูเพิ่มจาก เกอร์สัน และ แซร์จิญโย่ ทำให้ บราซิลขึ้นแท่นรอเป็นแชมป์ แฟนบราซิลในสนามถึงกับร้องเพลงกันกระหึ่มตั้งแต่ยังไม่จบเกม

เกมขาดแต่บราซิลไม่ยอมให้จบเพียงเท่านี้ ประตูที่ยิ่งใหญ่ต่อจากนี้.. เริ่มที่ โคลโดอัลโด้ เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นอิตาลีถึง 4 คน ก่อนที่จะจ่ายให้กับ ริเวลลิโน่ เพื่อจ่ายบอลริมเส้นผ่านไปยัง แซร์จิญโย่ ในทันที แซร์จิญโย่ เลี้ยงบอลจี้เข้าเขตโทษ ก่อนจะจ่ายบอลให้กับเปเล่ที่รออยู่ทางขวามือ แล้วเปเล่ก็จ่ายบอลเข้ากรอบหกหลาด้วยจังหวะที่เฉียบขาด และหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นประตูที่สี่ คาร์ลอส อัลเบอร์โต้ วิ่งสอดขึ้นมายิงไม่เหลือ แม้มีกองหลังของอิตาลียืนอยู่ต่อหน้าถึง 4 คน

มันเป็นการดวล 5:5 ที่เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งการจ่ายบอลแบบไม่มองในจังหวะสุดท้ายของเปเล่ มันเป็นการจ่ายบอลที่อัศจรรย์ที่สุด ไทม์มิ่งดีมากและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับเขาได้ใช้สัมผัสพิเศษหลังจากครองบอลได้เพียงเสี้ยววินาที เขาใช้เพียงความรู้สึกว่า อัลเบอร์โต้ กำลังใกล้เข้ามาแล้วจากด้านหลัง และด้วยการจ่ายบอลที่แม่นยำ ทำให้ อัลเบอร์โต้ ซัดเข้าไปเต็มข้อ ในที่สุดบราซิลก็ได้กลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง

และภาพสุดท้ายที่เป็น “สัญลักษณ์ของฟุตบอลโลก” ในครั้งนั้น คือ ภาพที่แฟนบอลบราซิลวิ่งเข้ามาในสนาม ขอชุดนักฟุตบอลเป็นของที่ระลึก แล้วเปเล่ที่ใส่กางเกงขาสั้น ถูกแฟนบอลยกแล้วแห่ไปรอบ ๆ สนาม

Kings of 1970

ทีมชาติบราซิลในปี 1970 เป็นหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างไร้ข้อกังขา มาตรฐานนั้นก็กลายเป็นสิ่งที่หล่อหลอมทีมบราซิลมาจากรุ่นสู่รุ่น แม้ว่าทั้งทีมจะเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เปเล่จะเป็นนักเตะที่ถูกโฟกัสเสมอ 4 ประตูของเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นประตูในรอบรองฯ สำคัญมากที่มันช่วยผลักดันให้บราซิลกลายเป็นแชมป์ในครั้งนั้น เช่นเดียวกับเมื่อ 12 ปีก่อนที่สวีเดน พวกเขายิ่งประตูที่เหลือเชื่อมากมาย โดนเฉพาะลูกแรกที่ยิงใส่เชคโกสโลวาเกีย

นอกจากนี้ เปเล่ไม่ได้เพียงแค่โดดเด่นจากการทำประตู เพราะในปี 1970 ถ้ายังจำกันได้ มีเพียง เขาคนเดียวที่กล้าหลอกผู้รักษาประตูที่พุ่งโฉบออกมา แล้วยังอ้อมกลับไปเอาบอลที่ผ่านผู้รักษาประตูมาด้วยตัวเอง มีเพียงเขาเท่านั้นที่โขกได้อย่างหนักหน่วง จนบอลพุ่งลงพื้นอย่างรวดเร็วขนาดนั้น จนทำให้การเซฟในครั้งนั้นเป็นการเซฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และมีเพียงเขาเท่านั้นที่จ่ายบอลให้เพื่อนทำประตู โดยไม่มองเพื่อน ในการแข่งขันที่สำคัญที่สุดในโลก

สุดท้ายนี้ความโดดเด่นของ เปเล่ทำให้ทุกประตูที่เกิดขึ้นนั้นโดดเด่น เพราะไม่ใช่แค่การทำประตูธรรมดาเหมือนคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนเห็นเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่ แต่ด้วยการควบคุมเวลาราวกับมีเวทมนต์ และการวิ่งเข้าหาพื้นที่ที่ได้เปรียบ การครอบครองบอลและการเคลื่อนไหวที่สวยงาม ทั้งหมดทำให้ผลลัพธ์เกิดขึ้นแบบนั้นได้ และเป็นเรื่องราวที่น่าจดจำที่สุดของปี 1970

Credit : https://thesefootballtimes.co