เป็นที่รู้กันดีว่าเวทีฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษเป็นลีกกีฬาที่ยิ่งใหญ่ และได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก นักเตะที่เล่นในพรีเมียร์ลีกล้วนเก่งกาจและเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของแฟนบอลทั่วโลก ส่วนใหญ่มาจากนักเตะเยาวชนของสโมสรดังๆ ในประเทศ หรือถูกซื้อมาจากสโมสรนอกประเทศที่มีชื่อเสียงทั่วทุกมุมโลก
แต่ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีนักเตะระดับโลกบางคนก้าวขึ้นมาในหนทางที่แตกต่าง และยากลำบากจากสโมสรลีกล่าง เขาเหล่านั้นพัฒนาฝีเท้าจนได้ขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดของประเทศ และโด่งดังจนมีชื่อเสียงระดับโลก
ช้างเผือกที่หลบซ่อนเหล่านั้นมีใครกันบ้าง?!
เจมี่ วาร์ดี้
ใครจะไปคิดว่า เจมี่ วาร์ดี้ นักเตะผู้เคยพาเลสเตอร์ ซิตี้ สร้างปาฏิหาริย์เทพนิยายจิ้งจอก ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร เมื่อฤดูกาล 2015/2016 เขาเคยค้าแข้งให้กับสโมสรสต็อกบริดจ์ พาร์ค สตีลส์ ซึ่งเป็นแค่ทีมในดิวิชั่น 8 ของประเทศอังกฤษ หรืออยู่ในลีกต่ำสุดของวงการฟุตบอลอังกฤษสมัยเมื่อปี 2003
หลังจาก 7 ปีที่อยู่กับสต็อกบริดจ์ พาร์ค สตีลส์ เจมี่ วาร์ดี้ ก็ได้ย้ายไปร่วมทีมฮาริเฟล็ก ทาวน์ ทีมในดิวิชั่น 7 ณ ตอนนั้น เมื่อปี 2010 ก่อนจะช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ และเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 6 ได้สำเร็จตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายไปร่วมทีม และหลังจากนั้นเพียงปีเดียว วาร์ดี้ ก็ได้ย้ายไปร่วมทัพฟลีตวูด ทาวน์ ทีมในดิวิชั่น 5 เมื่อปี 2011 โดยเจ้าตัวได้โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิงไป 31 ประตู จากการลงเล่น 36 นัด พาทีมเลื่อนชั้นขึ้นมาแข่งขันในระดับฟุตบอลลีกอาชีพเป็นครั้งแรก (เลื่อนชั้นสู่ลีกทู) และยังได้ตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2011/2012 ไปครอง ก่อนสุดท้ายจะเป็นเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ซื้อตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2012
จนกระทั่งในฤดูกาล 2015/16 ถือเป็นฤดูกาลที่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของ วาร์ดี้ อย่างแท้จริง โดยทีมจิ้งจอกสยามสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดย เจมี่ วาร์ดี้ โชว์ฟอร์มร้อนแรงด้วยการยิงไปถึง 24 ประตู คว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวของลีกไปครอง กลายเป็นส่วนสำคัญที่พาทีมสร้างปาฏิหาริย์เทพนิยายจิ้งจอกได้สำเร็จ
นอกจากนี้ วาร์ดี้ ยังเคยคว้ารางวัลดาวซัลโว ของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019/2020 ด้วยการยิง 23 ประตู สร้างสถิติกลายเป็นนักเตะที่อายุมากที่สุด (33ปี) ที่เคยคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย
แฮร์รี เคน
นักเตะผู้ถูกขนานนามว่าเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อย่าง แฮรี่ เคน นั้น เดิมทีเจ้าตัวเริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งกับสโมสรริดจ์เวย์ โรเวอร์ส ทีมฟุตบอลท้องถิ่นละแวกบ้านเกิด ก่อนที่เขาจะย้ายไปเป็นนักเตะเยาวชนของอริร่วมกรุงลอนดอนอย่างอาเซน่อล ซึ่งอยู่ได้ไม่นานเจ้าตัวก็ถูกปล่อยตัวออกมา ซึ่งทีมปืนใหญ่ได้ให้เหตุผลว่า เคน นั้น สภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง
หลังจากนั้น เจ้าตัวก็ย้ายกลับไปร่วมทีมริดจ์เวย์ โรเวอร์ส อีกครั้ง ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมแตนอาละวาด วัตฟอร์ด และสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมที่วัตฟอร์ดลงสนามพบกับสเปอร์ จนไปเตะตาทีมงานของสเปอร์เข้าอย่างจัง ทำให้เคนได้โอกาสไปเป็นเด็กในอะคาเดมี่ของท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในเวลาต่อมา
จนในปีซัมเมอร์ปี 2010 เคน ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพของทีมไก่เดือยทองในที่สุด โดยในช่วงเวลานั้น เคน ถูกปล่อยยืมไปเล่นให้หลายต่อหลายทีมในอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นเลย์ตัน โอเรี้ยนท์, มิลวอลล์, นอริช ซิตี้ รวมถึงเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะได้กลับมาเล่นในถิ่นไวท์ ฮาร์ทเลน อย่างเต็มตัวในที่สุด
ซึ่ง เคน ในวัย 21 ปี ณ เวลานั้น ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ซัลโวไปถึง 31 ประตูรวมทุกรายการ พร้อมคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ PFA ประจำฤดูกาล 2014/2015 ไปครอง ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ได้รับโอกาสขึ้นทีมชุดใหญ่ หลังจากนั้น เคน ก็ยึดตัวหลักและเป็นนักเตะคนสำคัญของสเปอร์สนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ตลอดระยะเวลา 7 ฤดูกาลของ แฮรี่ เคน กับสเปอร์ เจ้าตัวยิงไป 214 ประตู กับอีก 46 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 325 นัด กลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูมากที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกอันดับที่ 9 และยังถูกขนามนามว่าเป็นกองหน้าทีมชาติอังกฤษที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
ราฮีม สเตอร์ริ่ง
ปีกจอมพริ้วทีมชาติอังกฤษ เจ้าของค่าตัว 49 ล้านปอนด์ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รายนี้ เดิมทีเจ้าตัวเคยเป็นนักเตะเยาวชนของทีม ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ถึง 7 ปี ก่อนที่จะเป็นลิเวอร์พูล ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีกที่คว้านักเตะรายนี้ไปร่วมทัพ
สเตอร์ริ่ง ลงเล่นให้ทีมเยาวชนของทีมหงส์แดงเป็นเวลา 2 ปี ก่อนจะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพของลิเวอร์พูลในที่สุด โดยตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ได้ลงเล่นให้กับทีมจากเมอร์ซีไซด์ เจ้าตัวลงสนามไป 95 นัด ยิงไป 18 ประตูด้วยกัน ก่อนที่ลีลาการลากเลื้อยด้วยความเร็วสูงของเขาจะไปเตะตาสตาฟของทีมเรือใบสีฟ้า ทำให้พวกเขาคว้าตัว สเตอร์ริ่ง จาก ลิเวอร์พลูด้วยค่าตัวสูงถึง 49 ล้านปอนด์ กลายเป็นนักเตะอังกฤษที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก ณ เวลานั้น
หลังจากย้ายค่ายมาอยู่กับ เป็ป กวาดิโอล่า สเตอร์ริ่ง ก็สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี้คว้าแชมป์ได้อย่างมากมายในเวลานี้
ตลอดระยะเวลา 6 ฤดูกาลกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สเตอร์ริ่ง ลงเล่นให้กับทีมเรือใบ 280 นัด ยิงไป 113 ประตู กับ 85 แอสซิสต์ พร้อมคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 9 ถ้วย โดยแบ่งเป็น พรีเมียร์ลีก 2 สมัย อีเอฟแอลคัพ หรือ คาราบาว คัพในปัจจุบัน 4 สมัย คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2 สมัย และเอฟเอคัพ อีก 1 สมัย
มาร์คัส แรชฟอร์ด
นักเตะผู้สืบทอดเสื้อหมายเลข 10 คนปัจจุบันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด นั้น ในอดีตเคยเป็นนักเตะเยาวชนของเฟล็ทเชอร์ มอสส์ เรนเจอร์ส ทีมฟุตบอลท้องถิ่นเล็กๆ ในเมืองแมนเชสเตอร์ ก่อนที่เจ้าตัวจะได้มาเป็นนักเตะทีมเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2005
ล่วงเลยมาเป็นระยะเวลาถึง 10 ปี จนมาถึงฤดูกาล 2015/2016 ในที่สุดเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของปีศาจแดง ซึ่งมี หลุยส์ ฟาน กัล เป็นกุนซืออยู่ในเวลานั้น หลังจากได้รับโอกาสลงสนาม เจ้าตัวตอบแทนความไว้ใจด้วยการ ยิงไป 8 ประตู พ่วงกับ 2 แอสซิสต์ ใน 18 นัด รวมทุกรายการ (ไม่รวมผลงานกับทีมสำรอง)
หลังจากฤดูกาลนั้น ชื่อของ มาร์คัส แรชฟอร์ด เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะดาวรุ่งอนาคตไกลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ทีมชาติอังกฤษ จนทำให้ทีมปีศาจแดงไม่รอช้ารีบขยายสัญญาของดาวรุ่งอนาคตไกลคนนี้ในทันที หลังจากนั้น แรชฟอร์ด ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและสามารถยึดตัวหลักของทีมปีศาจแดงได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันในฤดูกาล 2020-2021 เจ้าตัวทำผลงานด้วยการยิง 18 ประตู กับ 12 แอสซิสต์ ใน 44 นัดรวมทุกรายการ พาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 2 ในศึกพรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ รอบ 8 ทีม และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ยังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ถึง 3 แชมป์ในฤดูกาลนี้
จอห์น สโตนส์
นักเตะแนวรับคนเดียวที่เรายกมานำเสนอในที่นี้ อดีตกองหลังค่าตัวสถิติโลก ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซื้อมาจาก เอฟเวอร์ตัน ด้วยค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์ เมื่อซัมเมอร์ปี 2016 กลายเป็นกองหลังที่แพงที่สุดอันดับ 2 ของโลกเวลานั้น
สโตนส์ เคยเป็นเด็กเยาวนของสโมสรบาร์นสลี่ย์ ยาวนานถึง 10 ปี ก่อนที่จะได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ของสโมสรที่กำลังฟอร์มย่ำแย่ในเวลานั้นและช่วยให้บาร์นสลี่ย์รอดจากการหนีตกชั้นในเดอะแชมเปี้ยนชิพได้สำเร็จ จนในวันที่ 31 เดือนมกราคม ปี 2013 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของตลาดนักเตะหน้าหนาว ก็เป็นทีมจากแถบเมอร์ซีไซด์อย่างเอฟเวอร์ตัน ที่เซ็นไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 3 ล้านปอนด์
ตลอด 3 ฤดูกาลในถิ่นกูดิสัน พาร์ค สโตนกลายเป็นเสาหลักในแนวรับคนสำคัญของทีม โดยเขาได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ในดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดคนนึงของอังกฤษ โดยจุดเด่นของสโตนส์ คือเรื่องการครองบอล ผ่านบอลดี และสามารถใช้บอลด้วยเท้าได้ดี
จนในปี 2016 ฟอร์มการเล่นของปราการหลังชาวอังกฤษคนได้ไปเตะตา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่พึ่งย้ายมาเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมเรือใบสีฟ้า โดยเป๊ปนั้นชอบนักเตะที่ใช้เท้าเก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ ทุ่มเงินสูงถึง 47.5 ล้านปอนด์ ดึงสโตนส์มาร่วมทีม กลายเป็นกองหลังที่แพงที่สุดอันดับ 2 ของโลกเวลานั้น
นับตั้งแต่ย้ายมา กองหลังชาวอังกฤษ ช่วยให้ทีมเรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์มาครองได้ถึง 8 ถ้วย โดยแบ่งเป็น พรีเมียร์ลีก 2 สมัย อีเอฟแอลคัพ หรือ คาราบาว คัพในปัจจุบัน 3 สมัย คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2 สมัย และ เอฟเอคัพ อีก 1 สมัย
ในฤดูกาล 2020/21 นี้ สโตนส์ สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจด้วยการยืนจับคู่กับ รูเบน ดิอาส นักเตะใหม่ที่พึ่งย้ายมาร่วมทีมเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา และกำลังพาทีมขึ้นอันดับ 1 ของตาราง ลุ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาของเป็นสมัยที่ 5 ของสโมสร
iReallyLikeFootball.com เว็บไซต์ คอลัมน์ฟุตบอล บทความฟุตบอล ข่าวฟุตบอล สร้างสรรค์ผลงานจากความตั้งใจ โดยกลุ่มคนที่รักและชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ
“Football can make a friend, can make a life”
::::: ต้องการติดต่อสอบถามหรือขอลงโฆษณา :::::
แอด LINE : @803toskz หรือคลิกลิงค์นี้ http://nav.cx/omAqg0Q
Facebook : http://www.facebook.com/ireallylikefootball
Email : ireallylikefootball@gmail.com
หรือติดต่อเราได้ที่ http://www.ireallylikefootball.com/contact