9 แต้มเต็มจาก 3 นัดแรก ในช่วงเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2020-2021 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2 ใน 3 นัดเป็นการคว้าชัยเหนือทีมใหญ่อย่าง เชลซี และ อาร์เซน่อล เสียด้วย ทำให้ใครต่อใครมองว่า หงส์แดง ลิเวอร์พูล จะป้องกันแชมป์ในปีนี้ไปอย่างง่ายดาย ต่อยอดยุคทองของ “เร้ดแมชชีน” ยาวๆ ไป
ถึงแม้ว่านัดที่ 4 ของฤดูกาล 2020-2021 “หงส์แดง” จะออกไปโดน แอสตัน วิลล่า ถล่มแบบไม่ไว้หน้า 7-2 แต่นั่นก็เป็นความพ่ายแพ้ในลีกเพียงเกมเดียวจาก 14 นัดแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีม
แต่อย่างที่มีบางคนเคยกล่าวไว้ “ฟุตบอลลีกต้องดูกันยาวๆ” ระหว่างทางมักมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอด ผู้คงเส้นคงวาที่สุดเท่านั้นที่จะได้รับการชูมือในบั้นปลาย
สกอร์ 3-1 ที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในพรีเมียร์ลีก นัดล่าสุด ทำให้ ลิเวอร์พูล แพ้เป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันแล้ว และเป็นตัวเลขที่อ่านได้ว่า 12 เกมหลังสุดทุกรายการของลิเวอร์พูล ชนะแค่ 3 เกม โดยปราชัยไปถึง 6 ด้วยกัน
การเก็บได้ 40 คะแนนจาก 24 นัด ถือว่าเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่กุนซือเยอรมันเข้ามาเป็นนายใหญ่ในถิ่นแอนฟิลด์
ระยะห่างจากผู้นำอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนนี้ขยับไปเป็น 13 คะแนน แถมแข่งมากกว่าอยู่ 1 นัด โอกาสป้องกันแชมป์ดูจะยากจนแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว ถึงขนาดที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังยอมรับว่าทีมหมดลุ้นแชมป์ เช่นเดียวกับลูกหม้อในตำนานอย่าง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่เสนอแนะให้มองข้ามไปซีซั่นหน้าเลย
“หลังบ้านเป็นเหตุสังเกตได้”
การไม่หาตัวแทน เดยัน ลอฟเรน ที่ย้ายเมื่อซัมเมอร์ กลายเป็นดราม่าฮอตที่ถูกจุดประเด็นให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง เมื่อสองกองหลัง ลิเวอร์พูล ในแนวรับหลักอย่าง โจ โกเมซ กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ทยอยขอตัวไปพักร้อนในห้องพยาบาล ขณะที่ โฌแอล มาติ๊ป ก็สามวันดีสี่วันไข้อยู่แล้ว ส่วนพวกดาวรุ่งอย่าง รีส วิลเลี่ยมส์ และ เนธาเนียล ฟิลลิปส์ ก็ยังไม่สามารถฝากฝังความไว้วางใจได้
ทำให้ผลงานเกมรับปีนี้ออกมาสุดย่ำแย่ เมื่อเสียประตูไปแล้วถึง 32 ลูก มากกว่าเมื่อปีก่อนถึง 2 เท่า!!!
การแก้ไขปัญหาโดยถอยเอาผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์มาทำหน้าที่ชั่วคราว ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากว่าผลลัพธ์สุดท้ายสภาพศพไม่ออกมาพรุนอย่างที่เห็น
ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คือกองกลางระดับคุณภาพ ที่ถูกบัญชาให้รับบทกองหลัง ลิเวอร์พูลในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กจำเป็น แต่ก็คงยากกับความคาดหวังที่จะเห็นพวกเขาทำหน้าที่โดยปราศจากความบกพร่องเลย
มีข่าวว่า คล็อปป์ พยายามแก้ตัวแล้วในตลาดเดือนมกราคม โดยได้ร้องไปทางบอร์ดบริหารเพื่อให้อนุมัติเงินก้อนโตสำหรับการคว้า คาลิดู คูลิบาลี่ กองหลังทีมชาติเซเนกัลมาจาก นาโปลี ซึ่งต้องใช้ไม่น้อยกว่า 70 ล้านยูโร แต่เบื้องบนไม่เห็นด้วยกับการต้องใช้เงินมหาศาลในสภาพเศรษฐกิจยุคโควิด
หวยจึงมาออกที่แข้งโนเนมอย่าง เบน เดวิส ดีลเซอร์ไพรส์ได้มาจาก เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ทีมจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่แทบไม่เคยมีใครรู้จัก พร้อมกับยืมตัว โอซาน คาบัค มาจากชาลเก้ 04 บวกอ็อปชั่นซื้อขาด
ซึ่งในรายของ คาบัค เคยตกเป็นข่าวโยงกับ ลิเวอร์พูล อย่างหนักเมื่อซัมเมอร์ แต่โดนโก่งค่าตัวสุดโหด ตอนตลาดซัมเมอร์ปิด “เดอะ ค็อป” บางคนจึงรู้สึกโล่งอกที่ดีลไม่ลุล่วง
ก่อนเกมเยือน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อไม่มี ฟาบินโญ่ ที่บาดเจ็บ พร้อมใจกับ เบน เดวิส ตัวใหม่ ทำให้ คาบัค กองหลัง ลิเวอร์พูลฟ้าผ่ารายนี้ได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรกร่วมกับ เฮนเดอร์สัน ถือเป็นคู่เซนเตอร์คู่ที่ 13 ของ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้
ช่วง 45 นาทีแรก คาบัค ถือว่าทำได้ไม่แย่ เมื่อสถิติฟ้องว่า แนวรับทีมชาติตุรกี ชนะการดวลกลางอากาศและภาคพื้นทั้ง 100 เปอร์เซนต์เต็ม
ทว่าครึ่งหลังกลายเป็นหนังคนละม้วน เมื่อ เลสเตอร์ ยกระดับเกมของตัวเองขึ้นมา ยิง 3 ประตูในช่วงเวลา 7 นาที เปลี่ยนจากการประเดิมสนามอันหรูหราของ คาบัค กลับกลายเป็นฝันร้ายที่จะทำให้เขานอนไม่หลับไปอีกหลายราตรี
จุดอ่อนของ คาบัค ที่โดนวิจารณ์กันถึงความโฉ่งฉ่าง เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้น จนนำมาซึ่งการเสียประตูที่ 2 และ 3
อย่างไรก็ดี เกมนี้เกมเดียวยังไม่สามารถชี้วัดหรือตัดสินว่า คาบัค เป็นการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลวได้หรือไม่ เพียงแต่เมื่อไหร่กันละ ที่เขาจะพร้อมสำหรับคล็อปป์ทีม
ณ ปัจจุบันขณะ นักเตะลิเวอร์พูลหลายคนเริ่มขาดความมั่นใจ แตกต่างจากฤดูกาลก่อนลิบลับ พวกเขามีประสบการณ์เป็นแชมป์ แต่ยังต้องเรียนรู้ในเรื่องการป้องกันแชมป์
ช่วงเวลานี้ ดูทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นใจกับ “หงส์แดง” เลย ไม่ว่าจะเป็น VAR หรือ อาการบาดเจ็บ ขนาดในวันที่เล่นดียังแพ้ แล้ววันที่เล่นแย่จะไปเหลืออะไร
ถึงตอนนี้ อย่าว่าแต่การลุ้นแชมป์เลย แม้แต่การช่วงชิงพื้นที่ท็อป 4 ก็คงสาหัสเอาการ
ในขณะเดียวกันสภาพจิตใจของ คล็อปป์ เองก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน ไม่ใช่แค่เรื่องผลงานของทีมเท่านั้น แต่เขายังเพิ่งสูญเสียแม่ซึ่งเป็นเหมือนทุกอย่างของชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ หนำซ้ำยังไม่อาจไปร่วมพิธีอาลัยได้ จากมาตรการป้องกันโควิด-19 ของแต่ละประเทศ
ทุกอย่างถาโถมมาในช่วงเวลาเดียวกัน การที่ คล็อปป์ ยังยืนหยัดต่อสู้ได้ขนาดนี้ ต้องรับเลยว่าแกร่งมากพอแล้ว
แม้ว่าตอนนี้จะมีการปรับราคาให้ คล็อปป์ เป็นเต็งหนึ่งที่จะโดนไล่ออกจากตำแหน่ง แต่เชื่อว่า “เดอะ ค็อป” ส่วนใหญ่จะเข้าใจสถานการณ์นี้ดี และคงไม่กล่าวโทษบอส ว่ากันตามตรงความผิดพลาดส่วนหนึ่งก็มาจาก “นโยบายบางอย่าง” ของบอร์ดบริหารเอง
อย่าลืมว่า ด๊อยช์แมนคนนี้คือผู้ที่นำ “หงส์แดง” ไปถึงฝั่งฝันที่รอคอยมาแสนนานร่วม 30 ปี คนที่ชาว “เดอะ ค็อป” รักที่สุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
จากปัญหาหลังบ้าน ลุกลามมาถึงสภาพจิตใจ “เดอะ ค็อป” คงทำได้เพียงปลอบใจกัน ให้กำลังใจกัน เพื่อรอฟ้าหลังฝนที่กลับมาแจ่มใสอีกครั้ง
ให้ประโยคที่ว่า “You’ll Never Walk Alone” ดังกึกก้องในหัวใจ…มากกว่าที่เคย
iReallyLikeFootball.com เว็บไซต์ คอลัมน์ฟุตบอล บทความฟุตบอล ข่าวฟุตบอล สร้างสรรค์ผลงานจากความตั้งใจ โดยกลุ่มคนที่รักและชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ
“Football can make a friend, can make a life”
::::: ต้องการติดต่อสอบถามหรือขอลงโฆษณา :::::
แอด LINE : @803toskz หรือคลิกลิงค์นี้ http://nav.cx/omAqg0Q
Facebook : http://www.facebook.com/ireallylikefootball
Email : ireallylikefootball@gmail.com
หรือติดต่อเราได้ที่ http://www.ireallylikefootball.com/contact