ถ้ายังจำกันได้ ก่อนที่พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 จะเริ่มต้นขึ้น ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา สิงห์บลู เชลซี ลูกรักของ เสี่ยหมี โรมัน อับราโมวิช ต้องเจอกับปัญหาใหญ่นั่นคือ “การติดโทษแบนห้ามลงทะเบียนนักเตะใหม่” หรือพูดง่ายๆ คือ โดนสั่งห้ามซื้อนักเตะใหม่นั่นแหละ เพราะแม้ว่าจะซื้อมา แต่นักเตะเหล่านั้นก็ไม่สามารถลงสนามได้อยู่ดี หนำซ้ำนี่ยังเป็นโทษแบนครั้งที่สองแล้ว หลังจากที่พวกเขาเพิ่งได้รับโทษนี้ในช่วงเดือนมกราคมของฤดูกาลที่แล้ว

 

นอกจากการติดโทษแบนดังกล่าวแล้ว เชลซี ยังต้องมาเสียนักเตะตัวสำคัญที่คอยแบกทีมมาตลอดช่วง 5 ปีหลังอย่าง เอแด็ง อาซาร์ ให้กับ เรอัล มาดริด ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่พอสมควร เพราะลำพังนักเตะตัวรุกที่มีอยู่ก็ไม่สามารถแทนที่ อาซาร์ ได้ในแบบที่เรียกว่าไร้รอยต่อ และการจะดึงนักเตะระดับโลกมาแทนที่ ก็ไม่สามารถทำได้เพราะติดโทษแบนการลงทะเบียนนักเตะอย่างที่กล่าวไป

ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ หรือนี่อาจจะเป็นสัญญาณให้ สิงห์บลู ต้องทำการรีเซ็ตระบบทั้งหมดเสียใหม่ โดยไม่ให้ทีมมีระบบการเล่นที่มีนักเตะเพียงคนเดียวเป็นศูนย์กลางอีกต่อไป

เรียกได้ว่าเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างแท้จริง เพราะหากชะเง้อไปมองขุมกำลังของพวกเขาแล้วล้วนแต่มีพวกเหล่าดาวรุ่งที่ส่งไปให้สโมสรต่างๆ ยืมตัวเมื่อซีซั่นที่แล้วบวกกับแข้งเก๋าๆ อยู่หย่อมๆ

แลมพาร์ด

การได้ คริสเตียน พูลิซิช ที่เซ็นสัญญามาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตั้งแต่เดือนมกราคมนั้น ในช่วงเวลานึงสั้นๆ ถือว่าได้รับการคาดหวังสูงมากๆ จนหลายคนคิดว่าเขาจะมาเป็น เอแด็ง อาซาร์ คนใหม่ แต่ก็เป็นการคาดหวังในช่วงเวลาที่สั้นจริงอย่างว่า เพราะการเข้ามาเล่นในลีกที่เน้นเกมเร็ว มีการปะทะหนักๆ เหมือนจะเป็นปัญหาหนักของ พูลิซิช ในช่วงเริ่มต้น ที่ต้องการเวลาปรับตัวพอสมควร

 

อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งความกังวลของ สิงห์บลู เชลซี ที่หนักไม่แพ้เรื่องอื่น คือการแต่งตั้ง แฟร้งค์ แลมพาร์ด เป็นเฮดโค้ชคนใหม่ ทั้งๆ ที่ แลมพาร์ด เองแทบยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะกุนซืออาชีพระดับสูงเลย

การได้คุม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เพียงแค่ปีเดียว และพาทีมแกะเขาเหล็กไปพ่ายให้กับ แอสตัน วิลล่า ในรอบเพลย์ออฟของการเลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีก ประสบการณ์ของเขาเปรียบเสมือนอาหารที่พอกินได้แต่ยังไม่พร้อมจะขึ้นภัตราคารห้าดาวในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์

แลมพาร์ด

แลมพาร์ด เปิดตัวพรีเมียร์ลีกในฐานะกุนซือเชลซีได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อเขาบุกไปพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบขาดลอยถึง 4-0 เรียกได้ว่าโดนกระแสวิจารณ์อย่างหนักหน่วง จนไม่แปลกที่ว่าทำไมเขาถึงอยู่ในกลุ่มตัวเต็งที่จะโดนไล่ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในฤดูกาลนี้

แต่ถึงแม้จะพ่ายยับให้กับ แมนยูฯ ในนัดเปิดซิง ถ้าพูดกันแบบไม่ดูผลสกอร์ หลายคนมองว่า “ทรงบอลยังน่าลุ้น” เพราะถ้าใครได้ดูจะเห็นว่าระบบบอลของ แลมพาร์ด นั้นเล่นสนุกและน่าติดตาม รวมถึงตัวผู้เล่นที่มีอย่างจำกัดในตอนนี้ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกมากนัก ตลอดทั้งเกมในวันนั้น เชลซี ทำได้ดีแต่โดนความคมในการจบสกอร์ของ แมนยูฯ เล่นงานเสียมากกว่า

ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าในเวลาไม่นาน แลมพาร์ด เริ่มปรับจูนทีมได้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น เขาค้นพบแผนการเล่นที่เหมาะสมกับทัพนักเตะที่มีอยู่ และจากที่หลายคนเคยมองว่า เชลซีคือทีมเน้นเกมรับ ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เพราะ เชลซี ของ แลมพาร์ด เป็น เชลซี ที่ชอบเกมรุก และเล่นบอลสวยงามแบบผิดหูผิดตา

 

แลมพาร์ด เปลี่ยนระบบจาก 4-3-3 มาเป็น 4-2-3-1 พร้อมกับให้โอกาสเหล่าบรรดาดาวรุ่งมากพรสวรรค์ได้มีโอกาสเฉิดฉายมากกว่ากุนซือคนก่อนๆ โดยเฉพาะนักเตะดาวรุ่งสัญชาติอังกฤษอย่าง เมสัน เมาท์, แทมมี่ อับราฮัม และ ฟิกาโย โทโมรี่ จริงๆ แล้ว เชลซี มีดาวรุ่งฝีเท้าดีมากมายอยู่ในอะคาเดมี่ เพียงแต่ว่ากุนซือคนก่อนๆ กลับมองข้ามความสามารถของพวกเขา เลยไม่แปลกที่นักเตะดาวรุ่งเหล่านี้จะเฉิดฉายให้เป็นที่ประจักษ์กันในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะ แทมมี่ อับราฮัม ที่ซัดไปแล้ว 10 ประตู นับตั้งแต่ต้นฤดูกาลจนถึงช่วงปัจจุบันในช่วงเดือนธันวาคม

แลมพาร์ด

แลมพาร์ด

แลมพาร์ด

แลมพาร์ด

การผสมผสานระหว่างดาวรุ่งฝีเท้าจัดบวกกับแข้งซีเนียร์ระดับแถวหน้าของยุโรปอย่าง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ หรือแม้แต่ วิลเลี่ยน ช่วยให้ ทัพสิงห์บลูในปีนี้ดูเป็นการผสมผสานที่ค่อนข้างลงตัว บวกกับ คริสเตียน พูลิซิช ที่เมื่อปรับตัวได้แล้วก็แทบจะหยุดไม่อยู่

 

สิ่งสำคัญคือต้องยกเครดิตให้กับ แฟรงค์ แลมพาร์ด ให้จงหนัก ที่เขาสามารถลบล้างภาพจำเดิมๆ ของ เชลซี ทีมที่เล่นฟุตบอลเกมรับชวนน่าเบื่อเพราะเน้นผลจนเกินไป ลบข้อครหาที่ว่า เชลซี คือทีมที่ใช้เงินซื้อความสำเร็จ และลบข้อครหาส่วนตัวสำหรับเสียงวิพากย์วิจารณ์ว่าเขามือไม่ถึงได้อย่างหมดสิ้น

นี่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่ยังหาทีมที่ลงตัวให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เลย แม้ว่าจะใช้เวลาคุมทีมนานกว่า แลมพาร์ด แต่หากดูที่ทรงบอลแล้วหลายคนก็พอดูออกว่าฝั่งไหนดูมีอนาคตมากกว่ากัน

การอยู่ในท๊อป 4 จนถึง ณ ขณะนี้ในช่วงเดือนธันวาคมไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด การทิ้งห่างทีมอันดับ 5 อย่าง สเปอร์ ถึง 6 คะแนน เป็นเรื่องที่อุ่นใจได้ระดับนึงว่าถ้าผ่านช่วงปีใหม่ไปได้ และ เชลซี ยังคงเกาะกลุ่มท๊อป 4 ได้อยู่ การเห็น สิงห์บลู ในรายการแชมป์เปี้ยนลีกก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใดเหมือนที่วิจารณ์กันไว้ตอนต้นฤดูกาล

 

อันที่จริง เชลซี มีความสามารถในการดึงตัวกุนซือฝีมือดีมากประสบการณ์เข้ามาคุมทีมได้ แต่ไม่รู้ว่าอะไรไปดลใจบอร์ดบริหารเข้าจึงตัดสินใจเลือก แลมพาร์ด แถมเจ้าตัวก็ยังกล้ารับงานทั้งที่ยังใหม่มากสำหรับงานกุนซือ และก็คงรู้ดีว่าเบื้องบนของสโมสรเป็นประเภทโรคจิตกล้าปลดผู้จัดการทีมของพวกเขาได้ทุกเมื่อ

แลมพาร์ด ผ่านประสบการณ์การเป็นลูกทีมให้กับยอดกุนซือหลายคน ซึ่งหลายคนก็ออกแนวเน้นผลการแข่งขัน แต่ที่น่าแปลกใจคือเขาสามารถแสดงความเป็นตัวเองเข้าไปในทีมด้วยสไตล์การเล่นที่รุกแบบดุดัน (บวกโหดเหี้ยม!) เนื่องจากการได้เห็นเชลซียิงเกิน 3 ประตูนั้นคงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ในฤดูกาลนี้พวกเขายิง 4 ประตูขึ้นไปไปแล้วถึง 5 นัดด้วยกัน!!!

ลองนึกดูว่าถ้าฤดูกาลนี้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ยังคงเป็นกุนซืออยู่ คุณจะได้เห็น คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่กำลังได้รับความสนใจจาก บาเยิร์น มิวนิค อีกหรือไม่ บางที แทมมี่ อับราฮัม อาจถูกขายให้ แอสตัน วิลล่า เป็นการถาวรไปแล้ว หรือแม้กระทั่ง เมสัน เมาท์ ก็อาจถูกปล่อยยืมอีกปี

แลมพาร์ด

แม้ว่าผลงานของเชลซีอาจจะยังไม่สม่ำเสมอนัก แต่การสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมทางบ้านอย่างเรานั้นก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม เพราะอย่างน้อยๆ แล้วพวกเขาก็สามารถลบข้อครหาว่าเป็นทีมที่เน้นผลการแข่งขันและใช้เงินซื้อความสำเร็จ

 

น่าติดตามมากๆ สำหรับ ทัพสิงห์บลู เชลซี ภายใต้การคุมทัพของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ซึ่งหากพวกเขาพ้นโทษแบน และได้เสริมทัพตามใจชอบ การเติมกองหลังแบบถูกจุดสักรายอาจจะช่วยยกระดับให้พวกเขาก้าวมาลุ้นแชมป์ได้แบบจริงจังก็เป็นได้ และเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่าเขาเข้ามาปฏิวัติเชลซีอย่างสิ้นเชิง!!!

 


iReallyLikeFootball.com เว็บไซต์ คอลัมน์ฟุตบอล บทความฟุตบอล ข่าวฟุตบอล สร้างสรรค์ผลงานจากความตั้งใจ โดยกลุ่มคนที่รักและชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ

“Football can make a friend, can make a life”

::::: ต้องการติดต่อสอบถามหรือขอลงโฆษณา :::::

แอด LINE : @803toskz หรือคลิกลิงค์นี้ http://nav.cx/omAqg0Q
Facebook : http://www.facebook.com/ireallylikefootball
Email : ireallylikefootball@gmail.com
หรือติดต่อเราได้ที่ http://www.ireallylikefootball.com/contact