ผลงานล่าสุด นัดที่ 34 ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการเก็บชัยชนะเหนือเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยประตูโทนเพียงประตูเดียวจากจุดโทษของ มาคัช แรชฟอร์ด ทำให้บรรดาเร้ดอาร์มี่ใจชื่นขึ้นอีกนิด และเป็นอีกสัปดาห์ที่เหล่าบรรดากองแช่งสงบเสงี่ยมกันไป
แต่นั้น…เป็นเพียงชัยชนะนัดที่สอง ของการลงเล่นทั้งสิ้นห้านัดในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก 2019-20
คงต้องดูกันยาวๆ
ก่อนหน้าจะพักเบรคทีมชาติ ผลงานนัดที่ 33 ของโซลชากับแมนยู ทำได้เพียงแค่บุกไปเสมอกับเซาแธมป์ตันที่เหลือเพียง 10 คน 1-1 และนำมาสู่การตั้งประเด็นถึง ผู้จัดการทีมคนใดในพรีเมียร์ฯ ที่จะโดนเด้งเป็นรายแรกของฤดูกาลนี้
แน่นอนว่ามีโซลชาเป็นแคนดิเดต
นั่นคือบทลงเอยเกมที่ 33 ของโซลชาในฐานะผู้จัดการทีมปีศาจแดง ก่อนจะเบรคทีมชาติให้เขาได้ไปพักหายใจหายคอ และปรับทัพมาลุยนัดที่ 34 และเก็บชัยชนะไปได้
แต่เอาจริงๆ เมื่อลองเช็คสถิติ 33 นัดแรกของโซลชา ก็ไม่ได้ถือว่าแย่มากนัก เพราะใน 33 นัดแรก อดีตนายใหญ่แมนยูคนก่อนๆ ที่ทำผลงานได้ดีกว่า ยังโดนเด้งแบบไม่ใยดีมาเยอะ
หากคุณคิดว่าฝีไม้ลายมือของโซลชาที่ผ่านมาว่าแย่แล้ว สถิติที่เรายกมาเทียบให้ต่อจากนี้ อาจจะทำให้คุณคิดใหม่!
นัดเปิดสนามกับเชลซี โซลชาและทัพอสูรกลับมาแล้ว!
ใครจะไปคิดว่าแมนยูจะเปิดฤดูกาลอย่างเหี้ยมโหดเหมือนโกรธใครบางคน
เปิดบ้านโอลด์ แทรฟฟอร์ดไล่ถล่มผู้มาเยือนที่จบไม่คมอย่าง เชลซี ไปด้วยสกอร์ที่เกินคาด 4-0
แม้รูปเกมจะยังต้องจูนกันหน่อย แต่ผลการแข่งขันมโหฬารขนาดนี้ คงไม่ผิดถ้าสาวกปีศาจแดงจะวาดภาพฝันถึงหัวตารางที่พวกเค้าร้างลาไปนาน
แต่ช่วงเวลาฝันหวานก็เกิดขึ้นได้ไม่นานและดูเหมือนจะผ่านไปเร็วยิ่งกว่ารถแข่ง F1 เพราะเกมนัดถัดมาก็ทำได้เพียงบุกไปเสมอกับทีมม้ามืดอย่างวูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 ก่อนจะทำงามหน้าให้แฟนบอลเห็นภาพจำเดิมๆ ด้วยการเปิดสปาเสียสถิติแพ้ให้กับคริสตัล พาเลซ 1-2 และต่อมาไปเยือนเซาแธมป์ตัน ก่อนจะจบลงด้วยผลเสมอแห้งๆ 1-1
ทำให้เก้าอี้ของน้าลูกอมที่เคยปุดๆ เดือดๆ เมื่อท้ายซีซั่นที่แล้ว กลับมาเพิ่มอุณหภูมิร้อนแรงอีกครั้ง
ถ้าเป็นไปได้ใครๆ คงอยากจะเห็นสถิติสุดสวยหรูของโซลชาเมื่อถูกแต่งตั้งเข้ามาทำหน้าที่แทนโชเซ่ มูรินโญ่เป็นการชั่วคราวเมื่อกลางซีซั่นก่อน
โค้ชหนุ่มวัย 46 ปีเริ่มต้นสร้างความฮือฮาด้วยการเป็นเฮดโค้ชคนแรกบนลีกสูงสุดอังกฤษที่เก็บคะแนนได้มากถึง 26 แต้มจาก 10 เกม ทุบเรดคอร์ดของกุส ฮิดดิงก์ สมัยคุมเชลซีราบคาบ
เท่านั้นยังไม่พอโซลชายังพาแมนยูเดินหน้ากวาดชัยชนะนอกบ้านได้ถึง 8 นัดติอต่อกันทุกรายการ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่ ‘ลอร์ดเอ็ด’ เอ็ด วูดเวิร์ดจากผู้จัดการทีมหน้าทารกรายนี้เซ็นสัญญาคุมทีมถาวร ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่รู้กันนั่นแหละ และนี่คือผลงานของโอเล่หลังจากคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหลังผ่านไป 33 เกม
ชนะ 17
เสมอ 6
แพ้ 10
เปอร์เซ็นต์ชนะ 51.5 %
เทียบกับนายเก่าอย่างเฟอร์กี้ละ เป็นยังไง?
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (พฤศจิกายน 1986 – พฤษภาคม 2013)
“ฟุตบอลโคตรเจ๋ง” นี่แหละคำนิยามง่ายๆ ที่ขอมอบให้กับบรมกุนซือท่านนี้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ผู้สร้างประวัติศาตร์ของวงการลูกหนัง ไม่ใช่แค่กับแมนยู แต่กว้างขวางไปทั่วเกาะอังกฤษ
อย่างไรก็ตามเส้นทางที่ของเฟอร์กี้ในช่วงแรกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่เห็น เพราะหลังจากอำลาอเบอร์ดีนในลีกสกอตแลนด์ มาคุมทัพปีศาจแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์นั้น เขาต้องปรับตัวและสไตล์ฟุตบอลมากมาย ถึงขนาดมีแฟนบอลกลุ่มใหญ่เรียกร้องให้สโมสรปลดว่าที่ตำนานผีแดงท่านนี้ออกจากตำแหน่งเลยทีเดียว
และถ้าไม่ได้ “มาร์ค โรบิน” (ป๋าแพนด้าอาจจะสารภาพได้เลยว่าเป็นหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวง) ที่แฟนผีพันธุ์แท้น่าจะรู้จักกันดี ช่วยซัดประตูในเกมเอฟเอ คัพรอบสามเอาชนะน็อตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ เมื่อปี 1990 ไว้ล่ะก็ เชื่อกันว่าบอร์ดจะตัดสินใจปลดทันทีหากแพ้เกมนัดดังกล่าว และในที่สุดแมนยูก็สามารถก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์เอฟเอคัพในฤดูกาลนั้นและยังเป็นโทรฟี่แรกของเซอร์ อเล็กซ์ฯ กับสีเสื้ออสูร ท่ามกลางอีกหลายแชมป์ที่ตามมาในช่วงเวลา 26 ปีต่อจากนั้น…
สถิติ 33 นัดแรกของเฟอร์กูสัน
ชนะ 9
เสมอ 10
แพ้ 14
เปอร์เซ็นต์ชนะ 27.3 %
เทียบกับมอยส์ผู้ถูก(ป๋า)เลือก
เดวิด มอยส์ (พฤษภาคม 2013 – เมษายน 2014)
ภายหลังจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันประกาศอำลาวงการแบบช็อกแฟนบอล ทายาทที่หลายคนเฝ้าฝันถึง กลับกลายร่างเป็นบุคคลคุ้นหน้าที่มาจากเอฟเวอร์ตันอย่าง เดวิด มอยส์ เฮดโค้ชที่แฟนผีหลายชีวิตก่นด่าถึงขั้นว่าเข้ามาทำลายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเสียจนเละเทะจนถึงปัจจุบัน
แต่ถ้าเราบอกล่ะว่า 33 เกมแรกของ ‘The Chosen One’ ไม่ได้แย่ที่สุด แถมดีไม่น้อยกว่าใครในลิสต์นี้ล่ะ คุณจะเชื่อไหม?
กุนซือเลือดวิสกี้ถูกป๋าเฟอร์กี้ฝากฝังไว้ใจให้เป็นทายาทให้ช่วยดูแลทัพแมนยูต่อ ด้วยสัญญาโคตรยาว 6 ปี และเริ่มต้นได้สวยสดงดงามเวอร์ จากคว้าถาดการกุศลคอมมูนิตี้ชิลด์ด้วยการเอาชนะวีแกน และบุกไปถล่มสวอนซี 4-1
ทว่าสัญญาณเตือนเริ่มส่งเสียงหลังจากโดนเพื่อนบ้านน่ารำคาญ แมนเชสเตอร์ ซิตี้สอนบอลถล่มไป 4-1 ในเดือนกันยายน ปี 2013 ขณะเดียวก็ไปแจกของขวัญให้ทีมเก่าด้วยการส่งเอฟเวอร์ตันบุกมาเอาชนะที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี
แม้จะพาทีมทะลุถึงรอบรองชนะเลิศลีกคัพ แต่ก็โดนทีมรองบ่อนอย่างซันเดอร์แลนด์เขี่ยตกรอบด้วยการแพ้จุดโทษ ท้ายที่สุดแล้วฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง เมื่อปีศาจแดงพ่ายให้กับอดีตต้นสังกัดที่รักยิ่งของมอยส์อีกครั้ง ก่อนจะเป็นไรอัน กิ๊กส์ที่ต้องกระโดดจากผู้เล่นมาคุมทีมแมนชั่วคราว ฝากผลงานแรกไว้ไม่ถึงฤดูกาลเท่านั้น
สถิติ 33 นัดแรกของมอยส์
ชนะ 19
เสมอ 6
แพ้ 8
เปอร์เซ็นต์ชนะ 57.6 %
เทียบกับเกรดพรีเมี่ยมอย่างฟาน กัล
หลุยส์ ฟาน กัล (พฤษภาคม 2014 – พฤษภาคม 2016)
โค้ชที่ขึ้นชื่อว่ามีทั้งคนรักและคนเกลียดพอๆ กัน
ในแง่หนึ่งฟาน กัลคือบุรุษผู้เข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปสู่ปรัชญาที่ลึกซึ้งมีคำอธิบาย แต่ในอีกแง่หนึ่งปรัชญาที่เขานำเข้ามาก็มากเสียจนแฟนบอลรำคาญและลากพาลไปจนถึงนักเตะหลายราย
หลังจากพาเนเธอร์แลนด์ประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2014 ด้วยการคว้าอันดับสามมาครอบครอง จารย์หลุยส์ก็ได้รับการแต่งตั้งให้มาทำหน้าที่กุนซือของทีม
เขามาพร้อมความคาดหวังว่าจะพาปีศาจแดงตนนี้กลับคืนสู่ความโหดเหี้ยมได้ดังเช่นอดีตกาล
ปีแรกผ่านไป แมนยูจบอันดับสี่คว้าโควต้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่สมใจ
และแม้ในซีซั่นถัดมา เฮดโค้ชชาวดัตช์จะพาทีมคว้าถ้วยเอฟเอคัพที่ร้างลาไปนานมาครองได้สำเร็จ แต่การจบอันดับห้าในลีกไม่เพียงพอที่จะต่อชะตาให้เจ้าตัวได้ทำหน้าที่ต่อไป พร้อมยุติหน้าที่กับยูไนเต็ดไว้ที่ 2 ปี
สถิติ 33 นัดแรกของฟาน กัล
ชนะ 19
เสมอ 9
แพ้ 5
เปอร์เซ็นต์ชนะ 57.6 %
เทียบกับตัวแสบ เดอะ สเปเชี่ยล วัน
โชเซ่ มูรินโญ่ (พฤษภาคม 2016 – ธันวาคม 2018)
ถ้าบอกว่าฟาน กัลเป็นโค้ชที่มีคนรักกับคนเกลียดแยกกันไปเลย โชเซ่ มูรินโญ่ คือคนที่คุณสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่ารักและเกลียดเค้าไปพร้อมๆ กัน!!
นายใหญ่มาดยียวนกวนประสาท ประหนึ่งมั่นใจในตัวเองสูง อดีตคือโค้ชผู้สร้างความปั่นป่วนให้กับวงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกด้วยการเข้ามาพาเชลซีพลิกสถานะจากทีมกลางตาราง สู่สโมสรที่น่าสะพรึงกลัวและมีลุ้นแชมป์ทุกปีได้อย่างเต็มตัว
ภายหลังจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันอำลาแมนยูไปเมื่อปี 2013 เคยมีกระแสไม่น้อยที่อยากเห็น ‘เดอะ สเปเชียล วัน’ เข้ามารับหน้าที่กุนซือแทน
แม้จะไม่สมหวังในทีแรก แต่สุดท้ายในปี 2016 เส้นทางของทั้งสองฝั่งก็มาบรรจบกันจนได้ จุดประกายไฟให้กับแฟนบอลปีศาจแดงทั่วโลกว่า คนนี้แหละที่จะพาทีมรักของพวกเค้ากลับคืนสู่บัลลงก์ที่คู่ควร
แต่ความจริงไม่ใช่นิยายแมสๆ ที่ตอนจบพระเอกจะได้คู่ครองกับนางเอก และตัวร้ายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ความจริงที่ว่านี้เปรียบเหมือนหนังของเควนติน แทแรนติโน ที่จะล้อเล่นกับความหวังของผู้ชม ที่แค่จะทำให้ช็อกด้วยการให้พระเอกตายตอนจบไม่พอ เค้าจะยังให้คนร้ายได้นางเอกไปครอบครอง เอาแบบชนิดที่แทบจะขยี้ทุกความหวังที่คนดูมีให้จมดิน!
ไม่ต่างจากเรื่องราวของมูรินโญ่ที่แม้จะพาแมนยูคว้าถ้วยแชมป์ได้ทั้ง ลีกคัพ และยูโรป้าลีก แต่สิ่งต่างๆ ที่ก่อตัวขึ้นมากมายรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นปัญหากับผู้เล่นคนสำคัญในทีม ปัญหากับบอร์ดบริหารพาลไปยันแฟนบอล กดดันทำให้สุดท้ายผลงานก็ย่ำแย่ลงชนิดที่สีผมเปลี่ยนจากดำเข้มสู่สีเทาจางในช่วงท้าย และอำลาสโมสรไปในที่สุด
ถึงยังงั้นก็เถอะ ผลงาน 33 เกมแรกของเค้ากับแมนยู คือสิ่งที่การันตีว่าอย่างไรก็แล้วแต่ มูรินโญ่คือโค้ชที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งของวงการอยู่ดี
สถิติ 33 นัดแรกของมูรินโญ่
ชนะ 21
เสมอ 7
แพ้ 5
เปอร์เซ็นต์ชนะ 63.6 %
ปิดท้ายด้วยสรุปผลงานของกุนซือและอดีตกุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใน 33 เกมแรกของชีวิตผู้จัดการทีมผีแดง ที่อาจจะบอกอะไรกับแฟนบอลผู้ใจร้อนหลายท่านได้เป็นอย่างดี 😉
อันดับ 1. โชเซ่ มูรินโญ่ อัตราชนะ 63.6 %
อันดับ 2. เดวิด มอยส์ อัตราชนะ 57.6 %
อันดับ 3. หลุยส์ ฟาน กัล อัตราชนะ 57.6 %
อันดับ 4. โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อัตราชนะ 51.5 %
อันดับ 5. เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อัตราชนะ 27.3 %
ดูสถิติอย่างสร้างสรรค์ ดูฟุตบอลอย่างมีความสุข…
เครดิต: https://www.transfermarkt.com
iReallyLikeFootball.com เว็บไซต์ คอลัมน์ฟุตบอล บทความฟุตบอล ข่าวฟุตบอล สร้างสรรค์ผลงานจากความตั้งใจ โดยกลุ่มคนที่รักและชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ
“Football can make a friend, can make a life”
หากต้องการติดต่อสอบถามหรือขอลงโฆษณา email มาที่ ireallylikefootball@gmail.com
หรือติดต่อเราได้ที่ http://www.ireallylikefootball.com/contact
