เรียกได้ว่า มองข้ามช็อตกันเลยทีเดียวในบทความนี้ แต่ฟอร์มของ “อัศวินสีส้ม” ทีมชาติฮอลแลนด์ในเวลานี้นั้นอดพูดถึงไม่ได้จริง ๆ จากที่เคยคิดว่าต้องใช้เวลาถ่ายเลือดสักพักกลับกลายเป็นว่าพวกเขาคัมแบ็คเร็วกว่าที่คิดเอาไว้พอสมควรเลย ยิ่งผลงานที่บุกไปถล่มเยอรมันถึงถิ่น 4-2 ทำให้ทัพกังหันลมนั้นจับจองพื้นที่สื่อในช่วงโปรแกรมทีมชาติรอบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งยังเป็นการแก้แค้นหลังจากโดนบุกมาเอาชนะในเกมนัดที่สองของรอบคัดเลือดเมื่อช่วงเดือนมีนา ซึ่งเกมนั้นทัพดัตช์แพ้ให้กับด๊อยทช์ไปแบบสุดมันส์ 3-2 ทำให้ช่วงหลังการพบกันของทั้งสองเต็มไปด้วยความมันส์ แถมด้วยประตูเกิดขึ้นมากมายเป็นกำไรให้แฟนบอลตลอด

 

แต่หากใครเป็นแฟนอัศวินสีส้มหรือติดตามฟุตบอลทีมชาติมาอยู่ตลอดจะรู้ว่าเกมที่บุกไปเด็ดปีกอินทรีเหล็กนั้นก็ไม่ได้เกินความคาดหมายเท่าไหร่ เพราะในรายการยูฟ่า เนชั่น ลีกส์ ฮอลแลนด์ชุดนี้เอาชนะได้ทั้งแชมป์โลก ฝรั่งเศส และ เยอรมัน ที่โคจรกลับมาฟาดฟันกันอีกครั้งในการคัดเลือกไปเล่นฟุตบอลยูโร 2020 รอบสุดท้าย และต้องขอบอกว่าเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นมากจริง ๆ หลังพวกเขาต้องผิดหวัง ไม่ได้เล่นรอบสุดท้ายรายการเมเจอร์ 2 ครั้งหลังสุด ทั้งยูโร 2016 และฟุตบอลโลก 2018

 

อัศวินสีส้ม

 

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นในฟุตบอลโลก 2010 ฮอลแลนด์ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ไปได้ไกลถึงรองแชมป์ ถัดมาอีกสมัยในปี 2014 ขนาดว่าเปลี่ยนกุนซือเป็น เบิร์ต ฟาน มาร์ไวก์ พวกเขาก็ยังสามารถคว้าอันดับ 3 บอลโลก ด้วยการถล่ม บราซิล ในตอนนั้นถึง 3-0

 



 

แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ความโรยราของเหล่าสตาร์อย่าง อาร์เยน ร็อบเบน, เวสลี่ย์ ชไนเดอร์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และอีกหลาย ๆ คนที่เป็นกำลังหลักในยุคนั้น กลับไม่สามารถถูกสานต่อได้จากพวกดาวรุ่งที่ขึ้นมาในช่วงนั้น รวมถึงตัวโค้ช อย่าง กุส ฮิดดิ้ง กับ ดิค อัดโวคาท ในวัยใกล้ 70 ซึ่งทั้งคู่ถูกมองว่าล้าสมัยเกินไปในการฟื้นฟูทัพอัศวินสีส้ม ส่วนอีกหนึ่งคนที่เคยคุมอย่าง แดนนี่ บลินด์ ก็มือไม่ถึงเพราะผ่านการคุมทีมมาน้อยเหลือเกิน มันทำให้พวกเขาเห็นได้ชัดถึงความตกต่ำที่มาเร็วจนน่าใจหายจริง ๆ เพราะนับตั้งแต่ยุคของ โยฮัน ครัฟฟ์ เป็นต้นมา หลายคนมองว่าทีมระดับฮอลแลนด์นั้นไม่ควรจะพลาดมหกรรมฟุตบอลครั้งใหญ่ถึงสองครั้งสองคราติดกันแบบนี้

[อ่านบทความที่คล้ายกัน: วินนิ่ง 3 กับสุดยอดทีมและนักเตะที่โคตรเก่ง]

 

ทว่า หลังจากการสมาคมแต่งตั้ง โรนัลด์ คูมัน ฮฮลแลนด์นั้นก็กลับมาเป็นอัศวินสีส้มอย่างที่ควรเป็นอีกครั้ง การถ่ายเลือดครั้งนี้นั้นลงตัวอย่างที่แฟนบอลเองก็อาจจะตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน เพราะตัวหลักหลายคนในชุดนี้อยู่กับทีมมาตั้งแต่ช่วงที่อัศวินสีส้มตกต่ำ และพัฒนาจนกลายเป็นผู้เล่นระดับท็อป เช่น เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ตั้งแต่ในสมัยที่เขายังอยู่ เซาธ์แฮมป์ตัน เมฟิส เดปาย ในช่วงที่สูญเสียความมั่นใจกับ แมนฯ ยูไนเต็ด จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม เมื่อยังหนีตกชั้นอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ในเวลานั้น

 

อัศวินสีส้ม

 

ผ่านมาจนถึงตอนนี้ 3 ผู้เล่นดังกล่าวกลายเป็นคีย์แมนหลักของอัศวินสีส้มชุดนี้ จนต้องบอกว่าเป็นจังหวะและช่วงเวลาที่เหมาะเจาะจริงๆ กัปตันทีมอย่าง ฟาน ไดจ์ค ก้าวขึ้นเป็นสุดยอดปราการหลังเบอร์ต้น ๆ ของโลก การันตีด้วยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยูฟ่าปีล่าสุด เดปาย กองกำลังเกมรุกสุดสำคัญของ โอลิมปิก ลียง และ ไวจ์นัลดุม กองกลางฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีกส์ ซีซั่นที่ผ่านมาร่วมกับ ฟาน ไดจ์ค อย่างยิ่งใหญ่

 

ในปีเดียวกันนี้เอง อาแยกซ์ อัมเตอร์สดัม ก็สร้างผลงานเซอร์ไพร์สโลกฟุตบอลในเวทีแชมป์เปี้ยนส์ ลีกส์ ทะลุเข้าถึงรอบตัดเชือกด้วยดาวรุ่งอย่าง มัธไทจ์ส เดอ ลิกต์, แฟรงกี้ เดอ ยอง และ ดอนนี่ ฟาน เดอ บีก โดยมี ดาลี่ย์ บลินด์ รุ่นพี่ในทีมชาติเป็นตัวเก๋าช่วยประคองในชุดนี้ ในฟากของ พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น ก็ไม่น้อยหน้าส่ง เดนเซล ดรัมฟรี่ย์, ปาโบล โรซาเลส และ ดอนเยลล์ มาเลน เข้าประกวดดาวรุ่งเพชรเม็ดงามให้ทัพกังหันลมชุดนี้ได้ใช้สอยเช่นกัน

 

ถือเป็นจังหวะที่ลงตัวอย่างมากในการผสานตัวหลักทีมชาติชุดนี้เข้ากับสตาร์ดาวรุ่งหากเราไล่กันทุกตำแหน่ง ทั้งฝีเท้ารวมถึงฟอร์มการเล่นในช่วงเวลานี้ ทีมชาติฮอลแลนด์ชุดปัจจุบันสามารถสู้ได้ทุกทีมจริง ๆ ส่วนผลงานยืนยันก็คือรองแชมป์ยูฟ่า เนชั่น ลีกส์ รวมถึงการเอาชนะ ฝรั่งเศส กับ เยอรมัน ที่ได้กล่าวไปตั้งแต่ต้นนั่นแหละครับ

 

ทัพอัศวินสีส้มชุดนี้ ผู้รักษาประตูตัวจริง คูมัน เลือกใช้ เจสเปอร์ ซิเลสเซ่น ที่ปีนี้หนีม้านั่งสำรองของ บาร์เซโลน่า ไปเป็นเบอร์หนึ่งให้ บาเลนเซีย สำรองเป็น เยเรน โซท จาก พีเอสวี เซนเตอร์ใช้ มัธไทจ์ส เดอ ลิกต์ ที่โดน ยูเวนตุส ซื้อด้วยค่าตัวมหาศาลกว่า 80 ล้านยูโรป และ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค อดีตกองหลังค่าตัวสถิติสูงสุดจับคู่กันเป็นเซนเตอร์แบ็คที่แพงสุดในโลก แบ็กขวา เดนเซล ดรัมฟรี่ย์ ซ้ายมี ดาลี่ย์ บลินด์ ประจำการ

 

อัศวินสีส้ม

 

ส่วนพวกที่คอยสอดแทรกก็แข็งแกร่งในแดนหลังมีทั้ง สเตฟาน เดอ ฟรายจ์, นาธาน อาเก้, โยเอล เฟลท์มัน รวมถึงแบ็กทั้งหลาย อย่าง พาทริค ฟาน แอนโฮลท์, ฮานส์ ฮาเตบัวร์ และ เคนนี่ เตเต

 



 

กลางสามตัวมี แฟรงกี้ เดอ ยอง ที่ปีนี้เลเวลอัพเปลี่ยนสีเสื้อมาเป็น บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 75 ล้านยูโร เป็นตัวคุมจังหวะร่วมกับ มาร์เทน เดอ รูน ส่วนอีกหนึ่งคีย์แมนเป็น จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ที่คอยวิ่งพล่านในแดนกลางพร้อมกับดันสูงไปเล่นเกมรุกมากกว่าเวลาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล แบ็คอัพชั้นดีที่คอยโรเตชั่นยังมี ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค, เควิน สตรอทมัน, ดาวี พรอพเพอร์, ปาโบล โรซาริโอ และทอนนี วิลเอน่า

 

ในแนวหน้านั้นไม่ตายตัวเพราะมีผู้เล่นที่ความสามารถดีหลายคน มีเพียง เมมฟิส เดปาย เท่านั้นที่เป็นตัวยืน ส่วนในรายของ ควินซี่ โพรเมส, ไรอัน บาเบล, สตีเว่น เบิร์ก ไวจ์น, ลุค เดอ ยอง, สตีเว่น เบิร์กฮุยส์ รวมถึง ดอนเยลล์ มาเลน ดาวรุ่งตัวล่าสุดพร้อมสลับสับเปลี่ยนลงมาตามแต่ละแท็กติกที่ คูมัน เลือกใช้

 

อัศวินสีส้ม

 

 

แท็กติก ส่วนใหญ่ที่ โรนัลด์ คูมัน เลือกใช้ คือ 4-3-3 และ 3-4-3 รวมถึง 3-5-2 เป็นเพราะความหยืดหยุ่นของผู้เล่นที่สามารถทำหน้าที่ได้หลากหลายส่งผลดีช่วยให้นายใหญ่อย่าง คูมัน นั้นสามารถวางแผนการเล่นได้อย่างอิสระ ใครที่ได้ดูทัพอัศวินสีส้มเล่นในช่วงหลังนั้นต่างประทับใจทั้งสิ้น แม้จะไม่ได้สุดยอดเท่ายุค “โททัลฟุตบอล” หรือช่วงที่ทำผลงานในบอลโลก 2010 และ 2014 แต่บอกได้เลยว่าทีมเวิร์คความเข้าใจในแผนของผู้เล่นชุดนี้กลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้พวกเขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในเวลานี้

 

แม้จะเพิ่งผ่านไปเพียงแค่ 3 เกม แต่กูรูหลาย ๆ คนมองยาวไปถึงฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายในปีหน้ากันเสียแล้ว ทุกคนต่างดูมั่นใจในขุมกำลังของทัพอัศวินสีส้มชุดนี้อย่างมาก มาถึงตรงนี้แฟนบอลทีมชาติต่าง ๆ อาจมองว่าเป็นการอวย ฮอลแลนด์ มากจนเกินไปหรือเปล่า กับอีแค่บุกไปชนะ เยอรมัน ต้องอะไรขนาดนั้นเลยหรอ???

 

ความจริงจะเป็นอย่างไร อีกไม่ถึงหนึ่งปีเดียวได้รู้กัน !

 


iReallyLikeFootball.com เว็บไซต์ คอลัมน์ฟุตบอล บทความฟุตบอล ข่าวฟุตบอล สร้างสรรค์ผลงานจากความตั้งใจ โดยกลุ่มคนที่รักและชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ

“Football can make a friend, can make a life”

หากต้องการติดต่อสอบถามหรือขอลงโฆษณา email มาที่ ireallylikefootball@gmail.com
หรือติดต่อเราได้ที่ http://www.ireallylikefootball.com/contact