มหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่ามวลมนุษยชาติ “FIFA World Cup Russia 2018” ได้เริ่มขึ้นแล้วนะครับเมื่อคืนนี้ และก็เป็นเจ้าภาพรัสเซีย ที่งัดฟอร์มดุ โชว์โหด ไล่ถลุง ซาอุดิ อาระเบีย ไปแบบกระเจิงถึง 5-0 เป็นการเปิดตัวที่สวยสดงดงามกันเลยทีเดียว
ในสมรภูมิฟุตบอลโลก 2018 ณ ดินแดนหมีขาวครั้งนี้ มีดาวดังระดับซุปเปอร์สตาร์มากมายที่ตบเท้ากันเข้ามาโชว์เพลงแข้งในรอบสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็น สองดาวเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือนักเตะที่น่าจับตามองคนล่าสุด ก็อด ออฟ อียิปต์ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ซุปเปอร์สตาร์จากทีมชาติอียิปต์ ที่สลัดอาการบาดเจ็บพร้อมทำศึกครั้งนี้ด้วยเช่นกัน และก็เป็นที่แน่นอนว่าสปอตไลท์คงฉายไปที่แข้งชื่อดังทั้งหลายเหล่านี้อยู่แล้วล่ะครับ
ลืมซุปเปอร์สตาร์เหล่านั้นไปเสียก่อน! เพราะในบทความนี้ ผมจะพาแฟนบอลทุกท่านไปส่อง 5 ดาวรุ่งที่น่าจับตามองในฟุตบอลโลกหนนี้กันดีกว่าครับ! แล้วมาช่วยลุ้นกันว่า…จะมีลูกกรอกคะนองคนไหนที่จะสามารถใช้ฟุตบอลโลกหนนี้ เป็นเวทีแจ้งเกิดของตัวเอง เพื่อเป็นใบเบิกทางสู่การเป็นซุปเปอร์สตาร์ในอนาคต
แต่ก่อนจะเข้าสู่รายชื่อแคนดิเดตดาวรุ่งพุ่งแรงที่น่าจับตามองในฟุตบอลโลก 2018 นี้ ผมจะขอย้อนความกันซักหน่อยถึงรางวัล “ดาวรุ่งยอดเยี่ยม”
รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม (ในปัจจุบันใช้ชื่อว่า “รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมยิลเลต” โดย ยิลเลต เป็นผู้สนับสนุนหลัก) เป็นรางวัลสำหรับนักฟุตบอลที่อายุไม่เกิน 21 ปี ที่มีผลงานยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลก เริ่มมีครั้งแรกในฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพ
โดย 3 ครั้งที่ผ่านมา เป็นนักเตะเยอรมันฟาดไปซะสองครั้ง และเป็นสองสมัยติด คือ ลูคัส โพโดลสกี้ (2006) และ โธมัส มุลเลอร์ (2010) ส่วนเจ้าของรางวัลในครั้งล่าสุดที่บราซิลปี 2014 เป็นของ ปอล ป็อกบา
ส่วนเงื่อนไขในครั้งนี้ *** ต้องเป็นนักเตะที่เกิดหลัง 1 มกราคม 1997 เท่านั้น ***
เมื่อทราบตรงกันแล้ว เราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีดาวรุ่งคนไหนบ้างที่มีสิทธิ์โชว์ฟอร์มโดดเด่นจนสามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรติได้นี้ได้ในฟุตบอลโลกหนนี้
– กาเบรียล เชซุส (Gabriel Jesus) / บราซิล (Brazil) –
ย้อนกลับไปเมื่อฟุตบอลโลก 2014 บนดินแดนกาแฟบ้านเกิดของ กาเบรียล เชซุส เจ้าตัวนั้นยังช่วย บราซิล ซึ่งรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกด้วยการทาสีพื้นและกำแพงในมหกรรมครั้งนั้นอยู่เลยนะครับ
แต่หน้าที่ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ที่รัสเซียนั้นต่างออกไป เมื่อเจ้าตัวจะได้ยืนเป็นหัวหอกตัวหลักแถมพกหมายเลข 9 ไว้ด้านหลังเสื้อ เบอร์ 9 แห่งตำนานทั้งหลายของทีมชาติบราซิล อย่าง โรมาริโอ และ โคตรกองหน้าระดับตำนาน หลุยส์ นาซาริโอ เด ลิม่า หรือชื่อที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีในนาม โรนัลโด้ เจ้าของฉายา “El Fenomeno” และ “โล้นทองคำ”
แม้ในซีซั่นนี้เจ้าตัวอาจจะมีสะดุดไปบ้างจากอาการบาดเจ็บ แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดพัฒนาการของดาวรุ่งแซมบ้าผู้นี้ได้ กองหน้าดาวโรจน์จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พกโปรไฟล์มาลุยบอลโลกด้วยการมีส่วนร่วมในการถล่มประตูของ เดอะ ซิตี้เซน ถึง 22 ประตู แบ่งเป็น 17 สกอร์ กับอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทั้งหมด 42 นัดทุกรายการ
เชซุส เป็นกองหน้าที่ครบเครื่องมีทั้งความเร็ว เทคนิค และความแข็งแกร่ง รวมไปถึงการมีส่วนร่วมกับเกมซึ่งได้มาจากการโค้ชของกุนซือมือฉมังอย่าง เป๊ป กวาดิโอล่า ส่งผลให้เจ้าตัวนั้นกลายเป็นตัวเลือกแรกก่อน โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ ดาวยิงรุ่นพี่ของ ลิเวอร์พูล ไปโดยปริยาย
และด้วยความที่เก่งเกินวัย นี่ถือเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในฟุตบอลโลกครั้งนี้ รวมถึงเป็นตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมนี้ไปครองอีกด้วย
– คิลิยัน เอ็มบ้าปเป้ (Kylian Mbappe) / ฝรั่งเศส (France) –
หลังจากหมดยุคของ เธียร์รี่ อองรี ทัพตราไก่ นั้นเต็มไปด้วยกองหน้าร่างยักษ์ ไม่ว่าจะเป็น คาริม เบนเซม่า , อังเดร-ปิแอร์ ชีญัก และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ จนมาถึงบอลโลกในหนนี้ที่มีกองหน้าไซส์มินิอย่าง อ็องตวน กรีซมันน์ เป็นตัวชูโรง แต่กับความสามารถและสไตล์ของ เอ็มบ้าปเป้ นั้นต่างออกไป
โคตรดาวรุ่งแห่งยุคของทีมชาติฝรั่งเศสและของโลกในปัจจุบันนี้ คำกล่าวนี้คงไม่เกินไปนัก หากจะนิยามถึงความเก่งกาจของ คิลิยัน เอ็มบ้าปเป้
เด็กคนนี้มีทุกอย่างทั้งความเร็ว เทคนิค การจบสกอร์ และเซ้นส์ฟุตบอลที่สูงมาก ๆ สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ได้จากการเล่นร่วมกันอย่างไหลลื่นให้กับ เปเอสเช ระหว่างเจ้าตัวกับ เนย์มาร์ ซุปเปอร์สตาร์รุ่นพี่ชาวบราซิล
บนวัย 19 ปี เอ็มบ้าปเป้ นั้นยกระดับการเล่นและความสามารถทิ้งห่างนักเตะรุ่นเดียวกันไปหลายขุม ในซีซั่นแรกที่ได้เล่นชุดใหญ่อย่างเต็มตัว เอ็มบ้าปเป้ และผองเพื่อนช่วยกันพา โมนาโก หักด่านยักษ์ใหญ่ในลีกอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ก้าวไปเป็นแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ จนทำให้เป็นที่หมายปองของบิ๊กทีมทั้งหลายในยุโรป และก็เป็น เปเอสเช เองที่ร้อนรนทนไม่ไหว ถึงกับต้องสอยมาร่วมทัพในฤดูกาลถัดมาทันที ซึ่ง เอ็มบ้าปเป้ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการระเบิดฟอร์มการเล่นให้กับทีมเมืองหลวงด้วยผลงาน 21 ประตู กับอีก 16 แอสซิสต์ จาก 46 เกมทุกรายการ
แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือจากฟอร์มการเล่น คือความมั่นใจในฝีมือของตัวเองอย่างเต็มอัตรา ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกผ่านฟลอร์หญ้าที่เจ้าตัวคุ้นชิน และรวมไปถึงการตัดสินใจนอกสนาม
เพราะแม้นี่จะเป็นการเดบิวท์รายการเมเจอร์ครั้งแรกของเจ้าตัว แต่เบอร์ที่เจ้าตัวเลือกใส่ใช้ทำศึกคือ “เบอร์ 10”
– มาร์คัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford) / อังกฤษ (England) –
ศูนย์หน้าดาวรุ่งจากค่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งซัดประตูสุดสวยในเกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุดกับ คอสตาริก้า
แม้ว่าในซีซั่นนี้ แรชฟอร์ด จะถูกวิจารณ์ถึงเรื่องฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ แต่เราต้องอย่าลืมว่านี่คือเด็กหนุ่มวัย 20 เท่านั้น ฟอร์มการเล่นของ แรชฟอร์ด ในเครื่องแบบปีศาจแดง หากตัดเกรดจากโอกาสมากมายที่ โชเซ่ มูรินโญ่ นั้นมอบให้ หากจะมีเกมไหนที่ทำให้สาวกผีแดงชื่นใจหน่อย ก็คงจะเป็นเกมที่ แรชฟอร์ด นั้นเบิ้ลคนเดียว 2 ประตูให้ทีมกำชัยเหนือคู่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล เนี่ยแหละครับ
จุดเด่นของ แรชฟอร์ด นั้นคือเรื่องของรูปร่างและความเร็ว รวมถึงลูกยิงที่หนักหน่วงของเขา แต่สิ่งที่ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม หากคิดจะนำไปเปรียบเทียบกับโคตรดาวรุ่งอย่าง เอ็มบ้าปเป้ หรือแม้กระทั่ง กาเบรียล เชซุส นั้นคือเรื่องการตัดสินใจ ซึ่งในหลาย ๆ จังหวะ เขามักจะมีช็อตให้แฟนบอลได้หัวเสียอยู่เรื่อย
ในฤดูกาลที่เพิ่งจบไปนี้ แรชฟอร์ด มีผลงาน 13 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์ จากการลงเล่นรวมกันทุกรายการ 52 นัด
แต่ก่อนจะลงลึกไปถึงฟอร์มการเล่นของเขา สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ของเขาในทัวร์นาเม้นท์นี้ น่าจะเป็นโอกาสในการลงเล่นมากกว่า เมื่อมี เจมี่ วาร์ดี้ และ แฮรี่ เคน ยืนตระหง่านขวางหน้าเขาอยู่
จากโอกาสอันน้อยนิด แต่ถ้าหาก แรชฟอร์ด สามารถฉกฉวยและใช้มันได้อย่างคุ้มค่า ก็คงไม่มีใครจะครหา ถ้าสุดท้ายเขาจะเป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไปครอง
– อุสมัน เด็มเบเล่ (Ousmane Dembele) / ฝรั่งเศส (France) –
ปีกลมกรดวัย 21 ปี ยกระดับตัวเองและสร้างชื่ออย่างรวดเร็วไม่แพ้สปีดของตัวเองเลยทีเดียว
หลังถูกกระชากตัวจาก แรนส์ ในลีกเอิง มาประจำการริมเส้นให้กับทีมเสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยฟอร์มการเล่นที่สะเด็ดสะเด่าเกินอายุอานาม ทำให้ ยักษ์ใหญ่แห่งคาตาลันไม่รอช้าคว้ามาร่วมทัพด้วยค่าตัวสูงลิบกว่าร้อยล้านยูโร
ในซีซั่นนี้ผลงานเจ้าตัวกับ บาร์เซโลน่า ต้นสังกัดนั้นอาจจะไม่เปรี้ยงปร้างซักเท่าไหร่นัก ถูกอาการบาดเจ็บพรากจากการลงสนามเป็นเวลากว่า 4 เดือน กว่าจะหายกลับมาลงเล่นได้ก็ปาเข้าไปท้ายฤดูกาลแล้ว
ฤดูกาลนี้ เด็มเบเล่ ได้ลงเล่นรวมทุกรายการเพียงแค่ 24 เกม แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์ฝากผลงาน 4 ประตู กับอีก 9 แอสซิสต์ เอาไว้เป็นขวัญถุงแก่ต้นสังกัด
จุดเด่นของ อุสมัน เด็มเบเล่ นั้นนอกเหนือจากความเร็วแล้วเจ้าตัวยังมีเทคนิคแพรวพราว และลูกคัทแบ็คถวายพานให้กับเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นภาพที่เราเห็นกันจนชินตาสมัยยังค้าแข้งให้กับ ดอร์ทมุนด์ เป็นไม้เด็ดของปีกจรวดผู้นี้
แต่จะด้วยคุณงามความดีที่สั่งสมไว้ก่อนถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัว หรือด้วยลีลาการลากเลื้อยที่สุดแสนจี๊ดจ๊าดที่เจ้าตัวได้ฝากเอาไว้ ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจของ เดเด้ เดส์ช็องส์ ทำให้เจ้าตัวถูกหนีบมาเป็นไม้ตายก้นหีบในบอลโลกครานี้ด้วย
และด้วยความสามารถของนักเตะเกมรุกของทัพตราไก่ที่หลายหลากแตกต่างกันนี้ ทีเด็ดที่ชื่อว่า อุสมัน เด็มเบเล่ นั้นอาจจะสามารถลงมาเปลี่ยนเกมได้เสมอ เมื่อเธอต้องการ
– โรดริโก้ เบนตันกูร์ (Rodrigo Bentancur) / อุรุกวัย (Uruguay) –
กองกลางเชิงสูงจากม้าลาย ยูเวนตุส ผู้นี้รับหน้าที่เป็นกองกลางตัวหลักให้กับแผงมิดฟิลด์ของทีมจอมโหด อุรุกวัย ในบอลโลกครั้งนี้ร่วมกับ มัตเตีย เวชิโน่ ดาวเตะรุ่นพี่ร่วมลีกมะกะโรนีของ อินเตอร์ มิลาน
หลังจาก เบนตันกูร์ ย้ายจาก โบค่า จูเนียร์ สโมสรยักษ์ใหญ่ของอาร์เจนติน่า และ ทวีปอเมริกาใต้ เจ้าตัวต้องใช้เวลาพอสมควรกับการปรับตัวเมื่อต้องย้ายมาเล่นในยุโรปครั้งแรก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยักษ์ใหญ่แชมป์ กัลโช่ เซเรียอา 6 สมัยติดอย่าง ยูเวนตุส
แต่เทรนเนอร์อย่าง มักซ์ อัลเลกรี้ ก็ไม่ได้รีบร้อนใช้งานแต่อย่างใด ค่อย ๆ หย่อนลงไปเก็บเวลเรื่อยมาจนถึงการเริ่มให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงบ้าง เบ็ดเสร็จรวมแล้วถึง 27 เกมจากทุกรายการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองก็ช่วยให้ เบนตันกูร์ ค่อย ๆ แสดงศักยภาพออกมาจนเป็นที่น่าพอใจแก่ อัลเลกรี รวมถึงเริ่มเข้าไปอยู่ในใจสาวกเบียงโคเนรี่กันบ้างแล้ว
ด้วยความสูงถึง 187 เซนติเมตร กอปรกับรูปร่างที่ผอมบาง บ้างถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เซร์คิโอ บุสเกตส์ และด้วยเทคนิคการเล่นตามแบบฉบับนักเตะละตินอเมริการวมถึงการยืนตำแหน่งที่ชาญฉลาดของ เบนตันกูร์ ยิ่งทำให้เจ้าตัวถูกนำไปเปรียบเทียบมิดฟิลด์บาร์เซโลน่าอย่างเลี่ยงไม่ได้
สำหรับเกมฟุตบอลแล้ว การขับเคี่ยวแย่งชิงพื้นที่ตรงกลางสนามไม่ได้ต่อสู้กันด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว และสิ่งที่ เบนตันกูร์ นั้นมีก็มากพอที่จะกลบเกลื่อนความเสียเปรียบทางด้านรูปร่างได้บ้างไม่มากก็น้อย
และก็เหมือนนักเตะดาวรุ่งคนอื่น ๆ ที่เราได้นำเสนอในบทความนี้ หากการเดบิวท์บนเวทีเมเจอร์อย่างฟุตบอลโลกหนนี้เป็นไปอย่างสวยงาม เจ้าตัวสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องด้วยศักยภาพที่มี รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของบอลโลกครั้งนี้ อาจช่วยการันตีตำแหน่งตัวจริงที่ ยูเวนตุส ให้กับ เบนตันกูร์ ได้ในระดับนึงเลยทีเดียว
และทั้งหมดนี้ก็คือแคนดิเดตดาวรุ่งยอดเยี่ยมที่เรานำมาให้ผุ้อ่านทุกท่านได้รู้จักกันกันนะครับ แต่ก็เรียกได้ว่าเกือบทุกคนนั้นเป็นนักเตะที่เราเห็นหน้าค่าตากันเป็นประจำจากบอลลีกกันแทบจะทุกสัปดาห์
นอกเหนือจาก 5 ดาวรุ่งดวงเด่นด้านบนแล้วยังมีคนอื่น ๆ ที่มีความสามารถและอยู่ในเกณฑ์ลุ้นรางวัลอยู่อีกหลายคนนะครับ อาทิ ยูริ เตเลมองส์ (Yuri Tielemans) / เบลเยี่ยม (Belgium) , อามิน ฮาริท (Amine Harit) / โมร็อคโก (Morocco) , แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก (Kasper Dolberg) / เดนมาร์ก (Denmark) , อาชราฟ ฮาคิมี่ (Archraf Hakimi) / โมร็อคโก (Morocco) และ บรีล-โดนัลด์ เอ็มโบโล่ (Breel-Donald Embolo) / สวิตเซอร์แลนด์ (Swittzerland)
หากชาว iRLFB ท่านไหนมีดาวรุ่งที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และคิดว่าน่าจะจับตามองนอกเหนือจากลิสต์ที่ผมได้นำเสนอไป สามารถร่วมแชร์ความเห็นแลกเปลี่ยนพูดคุยกันได้เลยนะครับ
แล้วเจอกันใหม่ในบทความต่อ ๆ ไป ขอให้ทุกท่านสนุกกับการรับชมฟุตบอลโลกครั้งนี้นะครับ สวัสดีครับ
iReallyLikeFootball.com เว็บไซต์ คอลัมน์ฟุตบอล บทความฟุตบอล ข่าวฟุตบอล สร้างสรรค์ผลงานจากความตั้งใจ โดยกลุ่มคนที่รักและชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ
“Football can make a friend, can make a life”
หากต้องการติดต่อสอบถามหรือขอลงโฆษณา email มาที่ ireallylikefootball@gmail.com
หรือติดต่อเราได้ที่ http://www.ireallylikefootball.com/contact