นักเตะอย่าง โรนัลโด้ หรือ เมสซี่ อาจได้ใจจากแฟนบอลทั่วโลกเพราะความเก่งกาจ มีรางวัลความสำเร็จมากมายนับไม่ถ้วน แต่ในโลกของฟุตบอลยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่แฟนบอลให้ความสำคัญไม่แพ้กับความเก่งกาจ และถึงขั้นยกย่องให้เป็นตำนานของสโมสร เป็นดั่งฮีโร่ในดวงใจ สิ่งๆ นั้นคือ “ความจงรักภักดี”
หากลองย้อนไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2017 ทุกคนคงจำได้ว่าในเดือนนั้น มีนักฟุตบอลคนนึงได้ประกาศแขวนสตั๊ด และหลังจากเมื่อเสียงนกหวีดจบการแข่งขันในแมตช์สุดท้ายของเค้าดังขึ้น แฟนบอลทั่วทั้งสนามหลายหมื่นชีวิตต่างยืนปรบมือเสียงดังสนั่นกึกก้อง ชวนให้ขนลุกถึงการได้รับความยกย่องและให้เกียรติแก่ชายผู้นี้ เพราะความจงรักภักดีต่อสโมสร เพราะความผูกพันธ์ของเค้ากับแฟนบอล และเพราะความภาคภูมิใจในถิ่นกำเนิด ในช่วงตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา นักเตะที่สื่อในประเทศไทยขนานนามว่า “เจ้าชายหมาป่า” แห่งกรุงโรม
เค้าคือ… ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ
วันนี้ iReallyLikeFootball.com จะพามาย้อนอดีต เพื่อไปชมความยิ่งใหญ่ของตำนานเจ้าชายหมาป่า เรื่องราวของเค้า ผู้เป็นสัญลักษณ์เดียวที่ทุกคนต้องคิดถึง
ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ นักเตะสัญชาติ อิตาลี เกิดเมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1976 ที่กรุงโรม ประเทศ อิตาลี เรื่องราวของเจ้าชายหมาป่า เริ่มต้นขึ้นเมื่อพ่อแม่ของเค้า ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการเล่นฟุตบอล ตั้งแต่ยังเป็นหนูน้อย พรสวรรค์ดังกล่าวก็เฉิดฉายขึ้นอย่างโดดเด่น เหนือกว่าเด็กๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกัน ราวกับว่าเจ้าหนู ต๊อตติ สามารถเล่นฟุตบอลเป็นตั้งแต่หัดเดินได้เลยทีเดียว
ต่อมาในปี ค.ศ. 1989 ความโดดเด่นในฝีเท้าของเจ้าหนู ต๊อตติ วัย 13 ปี ก็ส่งผลให้ได้เซ็นสัญญากับทีมฟุตบอล สโมสรในดวงใจของครอบครัว เอเอส โรม่า แม้ว่าจะมีทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เอซี มิลาน ยูเวนตุส และสโมสรร่วมเมืองคู่รักคู่แค้นอย่าง ลาซิโอ ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อดึงตัวเค้าไปก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว โรม่า คือทีมที่เค้าเลือก และหนึ่งในเหตุผลนั้นคือ ครอบครัวของเค้าไม่อยากให้หนุ่มน้อยต้องอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิด
ต๊อตติ เริ่มต้นเล่นให้ทีมอคาเดมี่ของ โรม่า อยู่ 3 ปี และจึงได้มีโอกาสเลื่อนชั้นขึ้นทีมชุดใหญ่ โดยลงสนามประเดิมให้กับ โรม่า ครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 1993 ด้วยวัยเพียง 16 ปี 6 เดือน ซึ่งเค้าได้รับโอกาสให้ลงเล่นแทน ริซซิเตลลี่ ในนาทีที่ 83 เป็นเกมส์ที่ โรม่า เอาชนะ เบรสชา ไป 2-0 ณ สนาม สตาดิโอ มาริโอ ริกามอนติ
ประตูแรกในชีวิตของ ต๊อตติ เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 1994-1995 ภายใต้การคุมทีมของ มาซโซเน่ เมื่อ โรม่า เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ฟอจจา แต่ทำได้เพียงแค่เสมอไป 1-1 ซึ่งประตูที่ช่วยรักษาผลเสมอของทีมเอาไว้ได้ในตอนนั้น กลับมาจากแข้งวัยเพียง 18 ปี นามว่า ฟรานเชสโก้ ซึ่งถือเป็นการยิงประตูครั้งแรกของเค้าในฐานะ จัลโล่รอสซี่ และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันยอดเยี่ยมหลังจากนั้นอีกมากมาย
ต่อมาช่วงฤดูกาล 1998-1999 ในวัยเพียงแค่ 22 ปี ต๊อตติ ได้รับตำแหน่ง กัปตันทีม ซึ่งถือเป็นสถิติ กัปตันทีมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ กัลโช่ เซเรีย อา ต๊อตติ ได้สวมปลอกแขนผู้นำฝูงหมาป่า ซึ่งรับต่อมาจาก จาน นินี่ อีกหนึ่งเจ้าชายหมาป่าแห่งโรม่า สุดยอดไอดอลในดวงใจของเค้าเอง
กระทั้งยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดและเป็นที่จดจำของแฟนบอลทั่วโลก นั่นคือฤดูกาล 2000-2001 ซึ่งในสมัยนั้นมี ฟาบลิโอ คาเปลโล่ เป็นผู้จัดการทีม โดย ต๊อตติ สามารถนำทัพโรม่าคว้าถ้วย สคูเด็ตโต้ เป็นแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ลีกสูงสุดของประเทศได้สำเร็จ และเค้ายังได้รับการยอมรับให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของอิตาลีอีกด้วย
ต่อมาในฤดูกาล 2006–07 และ 2007–08 ยุคสมัยการคุมทัพของ ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ เจ้าชายหมาป่าก็ได้ชูถ้วยอีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์ โคปา อิตาเลีย ได้ 2 ปีติดต่อกัน พร้อมคว้ารางวัล รองเท้าทองคำ ดาวซัลโวสูงสุดประจำฤดูกาล 2006–07 โดยซัดไป 26 ประตู “เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก เมื่อใดก็ตามที่ ต๊อตติ ได้ครองบอล เสมือนกับการฝากเงินไว้กับธนาคาร เงินจะไม่หายไปไหน และยังได้ดอกเบี้ย” สปัลเล็ตติ กล่าว
ต๊อตติ ติดทีมชาติ อิตาลี ตั้งแต่ปี 1998 น่าเสียดายที่หลายๆ ครั้งในทัวร์นาเมนต์รายการใหญ่ระดับชาติ ต๊อตติ มักได้รับอาการบาดเจ็บและชวดลงสนาม จึงทำให้เค้ามีสถิติกับทีมชาติไม่มากนัก แต่ยังไงก็ตาม ปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิตาลี เค้าก็ไม่พลาด เพราะเป็นกำลังหลักในชุดที่กองทัพ อัซซูร์รี่ คว้า แชมป์โลก ปี 2006 อย่างสุดยิ่งใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ มาร์เชลโล่ ลิปปี้ ก่อนที่เค้าจะโบกมือลาทีมชาติไปหลังจากทัวร์นาเมนต์นี้ โดย ต๊อตติ รับใช้ชาติไปทั้งหมด 58 นัด ทำไป 9 ประตู ในช่วงปี 2006 นี้จึงนับว่าเป็นปีที่รุ่งโรจน์ที่สุดช่วงหนึ่งของ ต๊อตติ หลังจากคว้าแชมป์ลีกสูงสุดกับ โรม่า เมื่อ 6 ปีก่อน
จากนั้นเรื่อยมา ต๊อตติ มักมีข่าวกับทีมยักษ์ใหญ่มากมายเป็นระยะๆ แต่เค้าก็ปฏิเสธโดยไม่ลังเล แม้ว่า รีล มาดริด จะเป็นหนึ่งในหลายๆ ทีมที่ให้ความสนใจในตัวเค้าก็ตาม ต๊อตติ ยังคงโฟกัสให้กับการค้าแข้งกับต้นสังกัดเป็นหลัก และถึงแม้ โรม่า จะไม่ได้แชมป์รายการใหญ่ใดๆ อีก บางปีได้ไปเล่นฟุตบอลถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก บางปีก็ไม่ได้ไป แต่ถึงกระนั้น ต๊อตติ ก็ยังไม่ย้ายไปไหน ยังคงอยู่รับใช้ โรม่า เสมอมา โดยรวมลงสนามไปทั้งสิ้น 786 นัด และทำไป 307 ประตู ของทุกรายการ โดยแบ่งเป็นเกมส์ใน เซเรีย อา 619 นัด ทั้งหมด 25 ฤดูกาล รวมซัดไป 250 ประตู สถิติการลงสนามและการยิงประตูสูงที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 3 ของนักฟุตบอลอาชีพอิตาลีจนถึงปัจจุบัน
รางวัลและความสำเร็จ
1 x ดาวซัลโว กัลโช่ เซเรีย อา (26 ประตู/ฤดูกาล 2006-2007)
2 x นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของอิตาลี (ปี 2000, 2003)
1 x แชมป์ฟุตบอลโลก (ปี 2006)
1 x กัลโช่ เซเรีย อา (ฤดูกาล 2000-2001)
2 x อิตาเลี่ยน ซุปเปอร์คัพ (ฤดูกาล 2001-2002, 2007-2008)
2 x โคปา อิตาเลีย (ฤดูกาล 2006-2007, 2007-2008)
วันสุดท้ายในอาชีพนักเตะของ ต๊อตติ เป็นวันที่ โรม่า เปิดบ้าน โอลิมปิโก้ ต้อนรับการมาเยือนของ เจนัว และภายหลังจากเสียงนกหวีดสิ้นสุดการแข่งขัน ก็เป็นชั่วโมงที่ เจ้าชายหมาป่า ต้องทำการกล่าวอำลาชีวิตค้าแข้งของเค้าอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าสโมสรและแฟนบอล วันนั้นเค้าได้กล่าวถ้อยคำอำลาครั้งสุดท้ายเอาไว้ได้อย่างจับหัวใจ
“ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง แม้ว่าผมจะไม่อยากให้มันมาถึงเลย ช่วงหลายวันมานี้ผมได้อ่านสิ่งต่างๆ ที่เขียนถึงตัวผมมากมาย มันเป็นสิ่งที่สวยงาม เพราะไม่ใช่สิ่งที่จะลืมกันได้ง่ายๆ กับการที่ผมมีพวกคุณอยู่เคียงข้างทั้งในช่วงเวลาที่ดีและร้าย”
“คุณรู้ไหมว่าอะไรคือของเล่นที่ผมชอบที่สุด? ลูกบอล และมันยังคงเป็นอยู่ แต่ไม่มีใครหยุดวันเวลาได้ เราทุกคนต้องแก่ลง ผมยังจำได้ดีถึงวันที่ 17 มิ.ย. 2001 (วันที่ โรม่า ได้สคูเด็ตโต้) เราแทบรอไม่ไหวที่จะได้ยินเสียงนกหวีดยาวจากผู้ตัดสิน”
“วันนี้มันมาถึงจุดที่ตรงหน้าผมมีเสียงบอกว่า ‘ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปนายจะแก่แล้วนะ ถอดกางเกงและรองเท้าออก มันหมดเวลาของนายแล้ว’ ผมถามตัวเองในช่วงหลายเดือนหลังมานี้ ‘ทำไมต้องปลุกผมขึ้นจากฝันด้วย?’ ตอนเด็กๆ คุณจำได้ไหมเวลาที่กำลังฝันหวาน และแม่มาปลุกคุณ เพราะถึงเวลาต้องไปเรียนแล้ว แต่คุณยังอยากนอนฝันต่อ มันเป็นแบบนั้นเลย”
“ต่างกันตรงที่ครั้งนี้มันไม่ใช่ฝัน มันเป็นเรื่องจริง มันจบแล้วจริงๆ ผมต้องถอดเสื้อออกเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าจะไม่อยากถอดออก ตอนนี้ผมกลัว มันไม่ใช่ความรู้สึกกลัวแบบเดียวกับตอนยิงจุดโทษ ครั้งนี้ผมไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่เมื่อรู้ว่ามีพวกคุณอยู่ข้าง ๆ ผมแน่ใจว่าจะสามารถเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ได้”
“ผมอยากขอบคุณเพื่อนร่วมทีม โค้ช ผู้อำนวยการ ประธานสโมสร ซึ่งอยู่กับผมมาตลอด แฟนๆ ที่เป็นตัวแทนของพวกเราชาวโรมัน การได้เกิดเป็นคนโรมันนับเป็นเกียรติสำหรับผม การได้เป็นกัปตันทีมทีมนี้ก็เช่นกัน พวกคุณคือชีวิตของผม และจะเป็นตลอดไป”
“ผมอาจจะไม่ได้สนุกกับการเล่นฟุตบอลอีกต่อไป แต่ใจของผมจะอยู่กับพวกคุณตลอดไป ผมมีความสุข และภูมิใจที่ได้รัก โรม่า ผมรักพวกคุณ!”
ตลอดระยะเวลาที่ค้าแข้งให้กับโรม่า แฟนบอลรัก ต๊อตติ อย่างจริงใจ เพราะความทุ่มเท ความเก่งกาจ และความภักดีกับสโมสร เค้าเองก็รักแฟนบอลเพราะ แฟนบอลคอยให้การสนับสนุน และเป็นกำลังใจให้เค้าเสมอมา คำพูดของ ต๊อตติ ทำให้บรรยากาศที่ โอลิมปิโก้ ในวันนั้นต้องเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง แฟนบอลถึงกับหลั่งน้ำตา และ ต๊อตติ เองก็เช่นกัน ภายใต้ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องทั้งสนาม แซ่ซ้องสรรเสริญสนั่น โอลิมปิโก้ สเตเดี้ยม อันเป็นที่ตราตรึงใจและน่าจดจำยิ่งสำหรับความยิ่งใหญ่ในความเป็นตำนานของเจ้าชายหมาป่าผู้นี้
iReallyLikeFootball.com เป็นอีกหนึ่งแฟนบอลที่ชื่นชอบชายผู้นี้มาก และขอนำข่าวฟุตบอล, คอลัมน์ฟุตบอลนี้เป็นตัวแทนคำกล่าวยกย่อง สรรเสริญ แก่นักเตะผู้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดี และภาคภูมิใจของชาวโรมัน นักเตะผู้ไม่มีวันถูกลืม…
เดอะ กลาดิเอเตอร์ “ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ” ตำนานแห่งกรุงโรม
iReallyLikeFootball.com เว็บไซต์ คอลัมน์ฟุตบอล บทความฟุตบอล ข่าวฟุตบอล สร้างสรรค์ผลงานจากความตั้งใจ โดยกลุ่มคนที่รักและชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ
“Football can make a friend, can make a life”
หากต้องการติดต่อสอบถามหรือขอลงโฆษณา email มาที่ ireallylikefootball@gmail.com
หรือติดต่อเราได้ที่ http://www.ireallylikefootball.com/contact